|
พระผงว่านอุดมโชคปฐม
อรหันต์สุวรรณภูมิ
จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์
ขอเชิญร่วมสมทบทุนบริจาค
เพื่อจัดสร้าง
ประธานฝ่ายจัดสร้างวัตถุมงคล
พล.ต.ท ณัฐพงษ์ วัฒนสุคนธ์
กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร
แหวนแปดทิศ
เนื้อเงินลงยาราชาวดี
บูชา 1,800 บาท
พระนางพญา
รุ่นเปิดกรุ2514
พบในกรุไม่เกิน 7 พันองค์
- พิมพ์สังฆาฏิ (หมดแล้ว)
- พิมพ์เข่าโค้ง (หมดแล้ว)
พระกริ่งจักรตรี
72 พรรษาราชินี
หลวงพ่อสด
วัดปากน้ำ
เหรียญพลังจักรวาล
รุ่นชนะมาร
บูชาเหรียญละ 500 บาท
พระแก้วมรกต
ภ.ป.ร.
หลวงพ่อทวด
ภ.ป.ร.
เสือมหาอำนาจ วัดหัวลำโพง เนื้อนวะ บูชา 400 บาท
พระยูไลฮุกโจ้ว วัดหัวลำโพง
(พระอมิตาภะพุทธเจ้า)
จัดสร้างเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี
*** ไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น ***
ยกเว้นวัตถุมงคลเนื้อทองคำชาร์จ 2% |
|
7. รอบองค์พระสาวก
เหนือตัวนะครอบจักรวาลเป็นชื่อกำกับพระสาวก ดังนี้
7.1
พระปุณณมหาเถระ อรหันต์ไทยองค์แรก ที่ได้ไปรับเอหิภิกขุจากพระบรมศาสดา ณ
กรุงสาวัตถี เมื่อวันขึ้น
10
ค่ำ เดือน 7 พุทธพัสสา 19 ได้ชื่อว่า ปุณณเถระ ศึกษาอยู่ 3 ปี จึงกลับมา
สูนาปรันตพริบพรี ในพุทธ
พัสสา
21 ตรงศักราชปีโลที่ 1166 ได้นำพระศาสนาเผยแพร่ที่สุวรรณภูมิพร้อมด้วยพระสาวก
449 รูป
ถึงสุวรรณภูมิเมื่อวันขึ้น
8 ค่ำเดือนอ้าย พุทธพัสสา 22
7.2
พระสัจจะพันธะมหาเถร อรหันต์ไทยรูปที่ 2 ที่ได้รับเอหิภิขุจากพระศาสดา เป็นรูปแรกในประเทศไทย
ที่
เขาสัจจะพันคีรี
จังหวัดสระบุรีและได้ทูลขอรอยตีนพุทธ ไว้ที่เขาสัจจะพันคีรี (พระพุทธบาท
สระบุรี)
7.3 พระโสณมหาเถร พระอุตตรมหาเถร พระฌานียมหาเถร พระภูริยมหาเถร
พระมูนียะมหาเถร พระอรหันต์
ทั้ง
5 รูปนี้เป็นชุดสมณฑูตที่พระเจ้าอโศกมหาราช ส่งมาเผยแพร่พระศาสนาสายที่8
ถึงเมือนครศรีธรรม
ราช
แวะพักอยู่ระยะหนึ่งจึงเดินทางต่อมายังสุวรรณภูมิเมื่อ เดือนอ้าย ขึ้น 14
ค่ำ พ.ศ. 235 ปี ฉลู
7.4 พระญาณจรณ มหาเถระ เดิมชื่อ ทองดำ พระโสณเถระเป็นพระอุปัชฌาชย์
พระอุตตระเถระสวดญัตติ
จตุตถกรรมวาจาต่อมาเป็นพระสังฆราชองค์แรกของสุวรรณภูมิ
7.5 พระกัจจายนะเถระ เดิมชื่อผิว เป็นพระสงฆ์ไทยที่ไปช่วยพระโสณะเผยแพร่ศาสนาในอินโดนีเซีย
(เมือง
จอกตากอ)
และอยู่ชวาช่วยขุนลสูสุวาเทียน สร้างวัดพุทธภูมิจนเสร็จ
7.6 พระธัมมสุนันทโธ เป็นโอรสของพระเจ้าโศกลว้ากับนางหวานชื่นใจ
บวชเป็นสามเณรรูปแรกของไทย เมื่อ
ขึ้น
2 ค่ำ เดือน 4 พ.ศ. 236 สามารถท่องพระไตรปิฏกจบภายในระยะเวลา 8 เดือน ต่อมาเป็นสังฆราชองค์
ที่
2 ของไทย เมื่อพ.ศ. 314
ด้านหลัง
ประกอบด้วยรูปแบบและความหมาย
1. ตรงกลางมีวงกลม
ภายในวงกลมมีชื่อ ทัพไทยทอง เป็นตัวหนังสือแบบที่จดจารลงบนกระเบื้อง หมายถึง
พระ
เจ้าทัพไทยทอง เป็นกษัตริย์ที่ครองสุวรรณภูมิ เมื่อศักราชปีโล 1112 และเสด็จไปเวฬุวันเฝ้าพระพุทธเจ้า
รับพระพุทธศาสนา
เป็นศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เปลี่ยนชื่อจากเมืองทองไทยลว้าเป็นสุวัณณภูมิและสร้างวัดแรกในไทยชื่อ
วัดปุณณาราม
2. ภายในวงกลมรอบนอกที่
2 มีอักขระชื่อ ขุนสรวง ขุนนางสาง กลายร่างมาจากภัสสรเทพมหาพรหม หลังจากชิม
ง่วนดินแล้วเป็นต้นตระกูลไทยมีลูกหลานสืบมา
- อักขระชื่อ ขุนไทยแก้ว ขุนหญิงแก้วขวัญฟ้า เป็นชื่อของผู้มีหน้าที่เป็นเจ้าทะเล
และแม่ย่านางเรือ ดูแลคนไทย
ในทะเลมาตั้งแต่ปลายยุคพุทธันดรที่ 2 น้ำท่วมโลก (เป็นเรื่องตามตำนสนของไทยที่เชื่อถือกันมาในอดีต)
-
อักขระชื่อ ขุนดินเขาเขียว ขุนหญิงกวักทองมา เป็นชื่อของต้นครูไทย มีลูกชาย
13 คน ครองเมือง 1 คน อีก
12 คน มีชื่อตามนามปี มีลูกหญิง 7 คน มีชื่อตามนามวัน บรรดาลูกชายหญิงของท่านทั้ง
2 ต่างก็คิดวิธีทำมาหากินเพื่อดำรง
ชีพจนกลายเป็นต้นตระกูลไทยในสายวิชาต่างๆ สืบมา
3. ภายในวงกลมที่
3 เป็นเปลวเพลิง และรัศมีสั้นยาวสลับกัน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระเจ้าตะวันอธิราช
กษัตริย์
ที่ยิ่งใหญ่ของสุวรรณภูมิ และทำนุบำรุงพระศาสนาจนตั้งมั่นยืนยาวถึงปัจจุบัน
4. รอบวงกลมที่
3 เป็นเปลวเพลิง และรัศมีสั่นยาวสลับกัน เป็นเครื่องหมายแทนองค์พระเจ้าตะวันอธิราช
กษัตริย์ที่
ยิ่งใหญ่ของสุวรรณภูมิและทำนุบำรุงพระศาสนาจนตั้งมั่นยืนยาวถึงปัจจุบัน
5. รอบรัศมีดวงอาทิตย์
มีอักขระ 8 ตัว เป็นหัวใจพาหุงทั้ง 8 บท เป็นบทสวดบวงสรวงสมโภชน์อนุโมทนา
เพื่อให้
เทวดาบนสรวงสวรรค์เพื่อประกาศถึงความสำเร็จ
6. ระหว่างรัศมีพระอาทิตย์
มีวงกลมล้อมรอบดวงอาทิตย์ 8 ดวง แทนองค์เจ้าดาวเด่นฟ้า และเดือนเด่นฟ้า โอรส
2 พี่น้องของพระเจ้าตะวันอธิราช เปรียบเสมือนดาวนพเคราะห์ที่หมุนรอบตัวเองและรอบตัวเองและรอบดวงอาทิตย์ตามระบบ
สุริยะจักรวาลและเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดไม่มีที่สิ้นสุด
ระยะเวลาแห่งกาลเวลาจะหมุนเวียนเปลี่ยนไป
ไปเพื่อให้ทุกชีวิตที่เกิดมาได้มีโอกาสสร้างความดีและความชั่ว ตามขันทสันดานของแต่ละบุคคล
7. ภายในวงกลมทั้ง
8 ดวง เป็นหัวใจอริยสัจ 4 ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องประสบทุกคน และอักขระอีก
4 ตัว เป็นธาตุ
ทั้ง 4 ของมนุษย์ ที่อาศัยดำรงชีวิตนบดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยจักรวาล เพราะมนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิดตามวัฎจักร
ตราบใดที่ยังไม่บรรลุธรรม
8. ระหว่างดวงดาวทั้ง
8 ดวง เป็นที่ว่างเปรียบเสมือนท้องฟ้าอันเป็นที่สิงสถิตของดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ชื่อของ
บรรดาขุนชาย ขุนหญิงที่มีพระคุณต่อแผ่นดินและลูกหลานไทย ตามรายชื่อและประวัติดังนี้
จากซ้ายมือด้านปีชวดตามเข็ม
นาฬิกา
8.1
ขุนลือต้นไทยทอง ขุนหญิงโพสพ ครองสุวรรณภูมิ เมื่อศักราชปีอินที่ 1402 ในสมัยของท่านทั้ง
2 ได้คิด
พิธีทำขวัญข้าว
บวงสรวงเกี่ยวกับพืช และคิดค้นการเพาะปลูก การทำนาปลูกข้าวให้เป็นระบบ และการเก็บ
เข้ายุ้งฉาง
เมื่อตายไปพระมเหสีคนนับถือเป็นเจ้าแม่โพสพ
8.2
ขุนสือไทยและขุนขอมฟ้าไทย ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีอินที่ 1215 ทั้ง 2
ท่านช่วยกันคิดลายสือไทย
และลายสือขอม
เป็นครั้งแรก ส่วนขุนหญิงไทยงามเป็นมเหสีของขุนสือไทย คิดการทอผ้าดอก ผ้ายก
เช่น
ลายสือ
ลายนกคู่ มีมาในแผ่นดินไทยนับพันปี เป็นต้นครูทอผ้า
8.3
พระเจ้าโลกลว้า พระนางก้านตาเทวี ครองสุวรรณภูมิเมื่อศักราชปีโลที่ 1410
ตรงกับ พ.ศ. 220 (พระบิดา
ของพระเจ้าตะวันอธิราช)
เป็นผู้รับสมณฑูตทั้ง 5 รูป ที่พระเจ้าอโศกมหาราชส่งมาเผยแพร่ศาสนา หลัง
จากสังคายนาแล้วเป็นกษัตริย์ไทยที่ให้มีพิธีกฐิน
ถวายกฐินเป็นพระองค์แรกและพิธีจุลกฐินก็มีขึ้นในสมัยของ
ของท่านเป็นครั้งแรก
กลายเป็นประเพณีสืบมาและในสมัยของท่าน มีการส่งพระภิกษุสงฆ์ของไทยไปศึกษา
ที่ประเทศอินเดียว
11 รูป สามเณร 3 รูป
8.4
พระเจ้าตะวันอธิราช พระนางสิริงามตัวเทวี ครองสุวรรณภูมิเมื่อ พ.ศ.245 ในสมัยของท่านนอกจากการ
เสริมสร้างโรงเรียนและกองทัพบ้านเมืองแล้ว
ยังส่งเสริมให้พระสงฆ์เรียนการสวด"สาธยายพระไตรปิฎก"
เรียนสวดสังโยคมีการปั้น
ให้ปั้นพระพุทธรูปตั้งเป็นพระประธาน ณ ศาลา นำวิธีการกราบพระตั้งนะโม การ
สวดคณะสัชฌายสังคีติ
คือ สังคีตีสาธยายเป็นคณะจัดให้มีการไหว้พระสวดมนต์ เจริญพระพุทธมนต์ และ
ในพิธีการต่างๆ
เช่นการถวายพระพระอนุโมทนาวิธี โกนจุก ทำบุญอายุ พิธีการศพ เช่น สวดมาติกา
สวด
อภิธัมม
7 พระคัมภีร์ และสวดหน้าไฟ โดยมีพระโสณมหาเถระ เป็นผู้นำฝึกสอน และพระเจ้าตะวันอธิราช
เป็นผู้วางระเบียบให้เป็นประเพณีไทย
จึงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน
8.5
พระเจ้าเดือนเด่นฟ้าอธิราช ครองสุวรรณภูมิเมื่อปี พ.ศ. 305 พระโอรสของพระเจ้าตะวันอธิราช
เดือนเด่น
ฟ้าและดาวเด่นฟ้า
ได้ช่วยกันวางรากฐานทางศาสนา ดูแลพระสมณฑูตตลอดเวลา ช่วยในการจดจารจารึก
เรื่องราว
คำสอน พิธีการและเรื่องของบ้านเมือง ท่านทั้งสองได้สร้างวัดหลายวัด เช่น
สร้างวัดพระธาตุ
เจดีย์ที่เมืองช้างค่อมแล้วให้ชื่อว่า
นครธัมมราช นิมนต์พระมูนียะไปอยู่ช่วย
-
สร้างวัดพระธาตุและวัดดงสัก ที่เมืองนองทอง (กาญจนบุรี) นิมนต์พระอุตตรไปอยู่ช่วย
-
สร้างวัดพระธาตุ ที่เมืองเถือมทอง (นครปฐม) นิมนต์พระภูริยะไปอยู่ช่วย
-
สร้างวัดพระธาตุ เมืองอู่ทองและวัดป่าเรไร (สุพรรณบุรี) นิมนต์พระอุตตรไปอยู่ช่วย
-
นำศาสนาไปเขมร สร้างวัดพระธาตุ นิมนต์พระภูริยะไปอยู่ช่วย เมื่อวันขึ้น 11
ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 282
-
สำหรับนครศรีธรรมราชนั้น นอกจากสร้างวัดพระธาตุแล้วยังสร้างโรงเรียนนายเรือ
และตั้งกองทัพ
เรือใหญ่เพื่อสะดวกในการดูแลอาณาประเทศทางทะเลใต้ได้ทั่วถึง
8.6
ขุนจัทรภาณุ ครองสุวรรณภูมิ พ.ศ. 1000 เมื่อถึง พ.ศ. 1018 มอบเมืองให้อนุชาชื่อขุนหาญบุญไทยอยู่
รักษาเมืองแล้วยกทัพไปชมพูทวีป
(อินเดีย) ถึง พ.ศ. 1020 ไปเป็นมหาราชในอินเดีย หลังจากนั้นเพียง
2
- 3 ปี ขุนอินไสเรนทร ลูกขุนจันทรภาณุคงจะนึกไปถึงคำโสณทำนายชะตาบ้านเมืองของสุวรรณภูมิ
จึงมี
ความเห็นว่าควรย้ายเมืองและผู้คนไปเมืองธันมมราช
(นครศรีธรรมราช) เพราะชอบดินฟ้าอากาศ ขุนหาญ
บุญไชยผู้เป็นอาคัด้านให้รอขุนจันทรภาณุกลับมาก่อน
ขุนอินไสเรนทรไม่ฟังคำ จึงพาผู้คน 2,000 ไปสร้าง
เมืองใหม่ที่เมืองธัมมราชเมื่อ
พ.ศ. 1023 และให้ชื่อว่า ศิริธัมมราช หรือศรีวิชัยสุวรรณภูมิ ครั้น พ.ศ.
1026
สร้างเมืองเสร็จกลับมาอพยพ เอาแม่และน้องขุนดินเขาเขียวพร้อมพลเมืองอีก 15,000
คนไปอยู่ที่
ศรีวิชัยสุวรรณภูมิ
เมื่อขุนจันทรภาณุกลับมาก็ลงมาอยู่ที่ศิริธัมมราชด้วย สุวรรณภูมิหมดกษัตริย์
หลังจาก
นั้นขุนจันทรภาณุกลับไปเยี่ยมสุวรรณภูมิพร้อมขุนหญิงสีมาทองมเหสีอีกครั้ง
เมื่อวันขึ้น 10 ค่ำเดือน 6 ปี
พ.ศ.
1027 จากข้อความในกระเบื้องจารจารึกขุดได้ที่ตำบลท่าเรือ จังหวัดนครศรีธรรมราช
กล่าวว่าในปี
พ.ศ.
1410 ขุนสีไสรนทรครองศรีวิชัยสุวัณณภูมิ แสดงว่าเมื่อ พ.ศ. 1410 นครศรีธรรมราชยังใช้ชื่อ
ศรี
วิชัยสุวัณณภูมิ
8.7
ขุนหาญบุญไทย ครองสุวรรณภูมิ พ.ศ. 1030- 1035 สร้างเมืองใหม่ย้ายมาจากสุวรรณภูมิเดิมมาตั้งที่
หน้าเขางูและสร้างวัดสี่มุมเมืองบรรจุพระธาตุ
ทิศตะวันออกสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ทิศเนือสร้าง
วัดพระธรรมเจดีย์
ทิศใต้สร้างสัดพระพุทธเจดีย์ ทิศตะวันตกสร้างวัดอรัญญิกาวาส วัดนี้มีเจดีย์หินแกรนิต
บนเจดีย์สลักหินรูปพญาราหูอมจันทร์รอบ
สร้างเสร็จ พ.ศ. 1035
หลังจากสุวรรณภูมิเสื่อมอำนาจ
เกิดเมืองใหม่ขึ้นอีก 3 เมือง เป็น 3 ก๊กไทย
- พ.ศ.
1023 - 1026 ศรีวิชัยธัมมราช (นครศรีธรรมราช) ขุนอินไสเรนทรสร้าง
- พ.ศ.
1030 - 1035 ราชพลี (สุวัณณภูมิ) ขุนหาญบุญไทยสร้าง
- พ.ศ.
1112 - 1122 ไทยทวาลาว (เถือมทองนครปฐม) ขุนฟ้าเมืองไทยสร้าง
ต่อมาทั้ง
3 เมืองได้มีการรบกันหลายครั้งในชั้นหลังและเมื่อ พ.ศ. 1720 ขุนศรีเฉลิมฟ้า
ครองไทยทวาลาวไม่ยอม
เสียค่าขวัญเมืองแก่ขุนราชพลี ปีละ 1,000 ตำลึง จึงเกิดรบกัน ขุนศรีเฉลิมฟ้าปราชัยและสิ้นชีพ
- พ.ศ.
1720 - 1721 ขุนศรีนาวนำถมครองไทยทวาลาวต่อจากขุนศรีเฉลิมฟ้า เกรงอิทธิพลและการทวงค่าขวัญ
เมืองของขุนราชพลีจึงอพยพขึ้นไปทางเหนือถึงถิ่นแดนสระหลวง ริมแม่น้ำสมพาย
(แม่น้ำสำพัน) ตั้งเมืองใหม่ชื่อว่า สุโขทัย
ดังนั้นพุทธบริษัททั้งหลาย
หากได้มีวัตถุอาถรรพ์อันเป็นมงคลนี้ชนิดใดชนิดหนึ่ง ก็ขอได้โปรดอาราธนา อธิษฐาน
เอาตามใจปรารถนาได้จากชื่อของครูอาจารย์ในแต่ละสาขา วิชาการ ดังปรากฏชื่ออยู่ในวัตถุมงคลนี้
เพื่อท่านจะได้หมดทุกข์
โศก โรคภัยที่ท่านประสบอยู่และขอให้ท่านจงประสพแต่ความสุขความเจริญทั่วหน้าทุกท่านเทอญ
ปล.
ขอให้พุทธบริษัท บริจาคบูชาโดยใช้สติ อย่าบริจาคบูชาโดยคิดว่าราคาไม่แพงหรือคิดว่าต่อไปอนาคตจะดี
ความสิริมงคลจะยังเกิดผลได้อย่างเต็มที่นั้น อยู่ที่การปฏิบัติของท่านเองด้วย
เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่พุทธบริษัททั้งหลายที่ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการจัดสร้างพระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์
สุวรรณภูมิ เพื่อนำถวายแก่พระเกจิอาจารย์จากวัดต่างๆ 20 กว่าวัด จึงได้กำหนดพิธีกรรมตามลัทธินิยมของเมืองศรีวิชัย
สุวรรณภูมิ 12 นักษัตรเป็น 4 พิธี 4 วันดังนี้
*
วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
เวลา
06.16 น. ที่เขางูราชบุรี (เทวาภิเษก ปลุกเสก) |
*
วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
เวลา 18.30
น. วิหารสูงมหาอุด นครศรีธรรมราช (บวงสรวง ปลุกเสก) |
*
วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547
เวลา 19.20
น. กลางทะเลปากอ่าว อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช (บวงสรวง ปลุกเสก) |
*
วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2547 พิธีพุทธาภิเษก
เวลา 15.31
น. จุดเทียนชัย วิหารหลวง วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช |
พร้อมนี้คณะกรรมการได้ดำเนินการโดยใช้มวลสารเดิมที่เหลือจากพระผงว่านอุดมโชค
8 อรหันต์ (ชุดเจดีย์ราย)
และมวลสารที่เกี่ยวข้องกับพระอรหันต์และขุนเมืองเมือ่ครั้งสุวรรณภูมิในอดีต
ดังนี้
มวลสารที่เป็นเนื้อผงว่าน
มีมวลสารผสมต่างๆ คือ
1. ผงปูนจากองค์พระบรมธาตุเจดียืนครศรีธรรมราช
ได้เก็บรวบรวมได้ตั้งแต่บูรณะ พ.ศ. 2538
2. ผงและคราบปูนจากองค์จริงของท้าวจัตตุคาม
ท้าวรามเทพ ได้เมื่อบูรณะปิดทองใหม่ พ.ศ. 2544
3. ผงพระจาก
กรุท่าเรือ สถานที่ซึ่งพระอรหันต์ พระโสณะเถร พระอุตระเถร พระฌาณียะเถร พระภูริยะเถร
พระ
มูณียะเถร
มาขึ้นเรือและเหยียบแผ่นดินสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรก และพักแรมสร้างเป็นวัดโดยมีเจ้าเดือนเด่นฟ้าและ
ดาวเด่นฟ้ามาต้อนรับด้วยพระองค์เอง
4. ผงพระจาก
กรุนาตรา อ.ท่าศาลา นครศรีธรรมราชเป็นวัดที่มีกระเบื้องจารเรื่องราวของท้าวจัตตุคามท้าวรามเทพ
5. ผงพระจาก
กรุนาสน อ.เมือง นครศรีธรรมราช
6. ผงพระจาก
ชุดยอดขุนพล พ.ศ. 2497
|