Search |  Shopping cart | หน้าแรก | ศิริสโตร์มีอะไรให้คุณ | วัตถุมงคล | วิธีการสั่งจอง-ชำระเงิน | เรื่องพระน่ารู้ | เกี่ยวกับเรา | แผนที่ตั้ง





พระผงว่านอุดมโชคปฐม
อรหันต์สุวรรณภูมิ

จำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์

ขอเชิญร่วมสมทบทุนบริจาค
เพื่อจัดสร้าง



ประธานฝ่ายจัดสร้างวัตถุมงคล
พล.ต.ท ณัฐพงษ์ วัฒนสุคนธ์
กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามมกุฎราชกุมาร



แหวนแปดทิศ
เนื้อเงินลงยาราชาวดี บูชา 1,800 บาท






พระนางพญา รุ่นเปิดกรุ2514
พบในกรุไม่เกิน 7 พันองค์
- พิมพ์สังฆาฏิ (หมดแล้ว)
- พิมพ์เข่าโค้ง (หมดแล้ว)







พระกริ่งจักรตรี 72 พรรษาราชินี






หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ




เหรียญพลังจักรวาล รุ่นชนะมาร
บูชาเหรียญละ 500 บาท




พระแก้วมรกต ภ.ป.ร.




หลวงพ่อทวด ภ.ป.ร.



เสือมหาอำนาจ วัดหัวลำโพง
เนื้อนวะ บูชา 400 บาท






พระยูไลฮุกโจ้ว วัดหัวลำโพง (พระอมิตาภะพุทธเจ้า) จัดสร้างเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี



    

      

*** ไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น ***
  ยกเว้นวัตถุมงคลเนื้อทองคำชาร์จ 2%


พระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภฺมิ
จำนวน 84,000 บาท

           วัตถุประสงค์

           1. เป็นการทำบุญเนื่องจาก พล.ต.ต. ขุนพันธ์รักษ์ราชเดช มีอายุใกล้ครบ 108 ปี (9 รอบ)
           2. เพื่อบันทึกความทรงจำของตำนานชาดกไทยเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และความเชื่อของคนโบราณที่คนไทย
               เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และความเชื่อของคนโบราณที่คนไทยกำลังจะลืม
           3. เพื่อเชิดชูพระพุทธศาสนา
           4. เพื่อระลึงถึงตำนานความเป็นมาในอดีตของอาณาจักรสุวรรณภูมิ
           5. เพื่อตอบแทนพระเกจิอาจารย์ผู้มีพระคุณ ที่ร่วมพิธีการในการจัดสร้างพระผงว่าน 8 อรหันต์สุวรรณภูมิบูรณะ
              เจดีย์ราย 163 องค์ รอบองค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
           6. เพื่อนำถวายวัดที่ให้มวลสารมาสมทบในการจัดสร้างพระผงว่าน 8 อรหันต์สุวรรณภูมิจำนวนกว่า 20 วัดทั่ว
              ประเทศ
           7. เพื่อการจัดการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช ณ นครอุทิศ


           ประธานฝ่ายจัดสร้างวัตถุมงคล

           
พล.ต.ท.ณัฐพงษ์ วัฒนสุคนธ์
           กรมวังผู้ใหญ่ในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร



           ประวัติความเป็นมา

เจดีย์รายรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ก่อนบูรณะ
ภายหลังได้รับการบูรณะแล้ว

             
ตำนานเดิมและที่มาของพระบรมธาตุ
           เนื่องจากเกิดสงครามแย่งชิงพระบรมธาตุ ระหว่างท้าวโกสีหราชผู้ครองเมืองทนบุรีกับท้าวอังกุศราชผู้ครองเมือง
ชนทบุรีท้าวโกสีหราชเล็งเห็นว่าภัยจะเกิดเพราะมีกำลังน้อยกว่า จึงรับสั่งให้พระนางเหมชาราพระธิดากับพระโอรสทันตกุ
มารนำพระบรมธาตุหนีภัยสงครามลงเรือไปยังเมืองลังกา ขณะกำลังเดินทางผ่านเมืองช้างค่อมศิริธัมมาราช (นครศรีธรรม
ราชในปัจจุบัน) ได้เกิดอาถรรพ์คลื่นลมปั่นป่วนด้วยอำนาจของครุฑและนาคที่มานมัสการพระบรมธาตุ จนเป็นเหตุให้สำเภา
แตกอับปางกลางทะเล เจ้าสองพี่น้องจึงนำพระบรมธาตุเสด็จขึ้นฝั่งและอธิษฐานฝังลง ณ กลางหาดทรายแก้วประมาณปี
พ.ศ. 6 - 8


             
เริ่มสร้างเจดีย์ทรงศรีวิชัย
           ในราวปี พ.ศ. 272 พระโอรสสองพี่น้องของพระเจ้าตะวันอธิราช เจ้าผู้ครองกรุงสุวรรณภูมิ (จังหวัดนครปฐม
ราชบุรีและเพชรบุรีในปัจจุบัน) คือ เจ้าเดือนเด่นฟ้า และเจ้าดาวเด่นฟ้า ผู้จดจารึกกระเบื้องจาร จากคำพยากรณ์ของพระโสณะ
มหาเถระ (หัวหน้าพระอรหันต์ที่มาเผยแพร่ศาสนาครั้งแรกในดินแดนสุวรรณภูมิ) ในคำโสณะพยากรณ์ได้กล่าวไว้ว่าสุวรรณ
ภูมิจะถึงกาลอวสานในภายภาคหน้า และจะได้เมืองหลวงใหม่ชื่อว่าศรีวิชัยสุวรรณภูมิ ซึ่งต่อมาเมืองนั้นก็คือเมืองช้างค่อมศิริ
ธัมมาราช และก็กลายเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบันนั่นเอง จากคำพยากรณ์ทำให้เจ้าเดือนเด่นฟ้าและเจ้าดาวเด่นฟ้าเดิน
ทางมายังเมืองช้างค่อมและได้สร้างบ้านเรือน ก่อตั้งกองทัพเรือและโรงเรียนนายเรือ โดยมีชาวชวากะชนพื้นเมืองเดิมเป็น
กำลังช่วยเหลือ จนได้มาค้นพบเนินดินอันเป็นที่ฝั่งพระบรมธาตุ จึงสร้างพระเจดีย์ทรงศรีวิชัยคร่อมเนินดินไว้ให้เป็นที่สักกา-
ระบูชาเป็นต้นมา

           จากตำนานที่ได้ถูกค้นพบในกระเบื้องจาร ที่มีชาวบ้านขุดพบในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพชรบุรี ราชบุรี และใน
อีกหลายๆ จังหวัดของประเทศไทย ได้มีการกล่าวถึงประวัติของเมืองศรีวิชัยสุวรรณภูมิ หรือเมืองช้างค่อมศิริธัมมราชในอดีต
ที่มาขององค์พระบรมธาตุเจดีย์ ตำนานของต้นกำเนิดของพระสงฆ์ไทยซึ่งเป็นพระอรหันต์สมัยแรกของประเทศไทยและตำ
นานของพระมหากษัตริย์ที่เกี่ยวข้องกับการบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ ในทุกๆ รอบ 700 ปี จนได้กลายมาเป็นตำนสนแห่ง
อาถรรพ์ลึกลับ เชื่อมโยงกาลเวลากับการบูรณะให้เป็นอัศจรรย์ปรากฏแก่ชาวพุทธ ซึ่งจะได้กล่าวดังต่อไปนี้


             
การบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ครั้งที่ 1 ประมาณปีพ.ศ.1026-1040 (หลังสร้างมาได้ประมาณ 700 ปี)
           ในขณะนั้นกษัตริย์ผู้ปกครองสุวรรณภูมิ (ดินแดนนับตั้งแต่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี เรื่อยลงมาจนสุดแหลมมาลายู)
คือ พระเจ้าจันทรภานุ มีพระบารมีบุญญาธิการมาก ได้แผ่อำนาจขยายอาณาเขตออกไปถึงประเทศอินเดีย ไม่ยอมกลับมา
สุวรรณภูมิเป็นเวลากว่า 20 ปี พระโอรสสองพี่น้องของพระเจ้าจันทรภานุ คือ ขุนอินทรไสเรนทร์และขุนอินทรเขาเขียว
เห็นบ้างเมืองทรุดโทรมลงขาดกษัตริย์ปกครอง จะตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์แทนบิดาก็ไม่ได้ จึงร่วมกันย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่
เมืองช้างค่อมศิริธัมมาราช เปลี่ยนชื่อใหม่ว่าศรีวิชัยสุวรรณภูมิ ในปี พ.ศ. 1040 ตรงตามคำทำนายของพระโสณะมหาเถระ
ในฐานะที่ท่านเป็นปฐมกษัตริย์ของเมืองศรีวิชัยสุวรรณภูมิได้สร้าง ขยายเมือง และซ่อมแซมบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ที่เริ่ม
ทรุดโทรมลงเป็นครั้งแรกร่วมกับชาวชวากะชนพื้นเมืองเดิมด้วย ด้วยคุณงามความดีของพระโอรสสองพี่น้องหลังจากที่ได้
สิ้นประชนม์ลง ประชาชนทั้งหลายจึงได้ยกย่องให้เป็นเสื้อเมืองและทรงเมือง มีฐานะเป็นเทวดาประจำเมือง และเรียกพระนาม
ของท่านทั้งสองว่า " ท้าวจัตตุคาม " และ " ท้าวรามเทพ " ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



             
บูรณะครั้งที่ 2 (หลังจากบูรณะครั้งแรกประมาณ 700 ปีเศษ)
           ประมาณปี พ.ศ. 1800 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชได้ทำการบูรณะเป็นเจดีย์ทรงลังกา คร่อมองค์เดิมที่เป็นทรงศรี
วิชัย ซึ่งชำรุดกองเป็นเนิน (ตามตำนสน) โดยได้รับความร่วมมือจากกษัตริย์อีกหลายๆ เมืองที่อยู่ในความปกครองของกรุงศรี
วิชัย โดยกษัตริย์จากเมืองต่างๆ ได้นำทรัพย์สินเป็นทองคำบ้าง เป็นเครื่องใช้บ้าง ต่างๆ นาๆ นำมาถวายเป็นพุทธบูชา ทำให้
การบูรณะครั้งนี้เสร็จเร็วมาก ในคราวนั้นมีผู้เดินทางมาจากทั่วทุกทิศ มาถึงบ้าง มาไม่ถึงบ้าง บางกลุ่มก็มาทางเรือ บางกลุ่มก็
มาทางบก บางกลุ่มก็มาตายระหว่างทางเพราะเกิดโรคระบาด มีอีกหลายกลุ่มที่มาถึงแต่ไม่ได้ร่วมบูรณะเพราะเจดีย์ได้สร้าง
เสร็จก่อน ก็ได้มาสร้างเจดีย์องค์ใหญ่เกือบเท่าพระบรมธาตุเจดียืที่ชาวนครศรีธรรมราชเรียกว่าเจดีย์ยัก เพราะยักย้ายไปอยู่
อีกฝั่งกนนขององค์พระบรมธาตุและสร้างเป็นวัดขึ้น (ปัจจุบันคือวัดพระเงิน อยู่ข้างเทศบาลเมืองนครศรีธรรมราช) บางกลุ่ม
มาจากทางทิศเหนือเรือมาเกยตื้นที่ อ.ท่าศาลา ได้มาสร้างวัดนางตรา (วัดพระนังตรา) อีกกลุ่มมาสร้างวัดแจ้งแหยงที่ ต.กลาย
(สระแก้ว) กลุ่มที่มาทางทิศตะวันตกมาถึง ต.จันดี อ.ฉวาง เกิดโรคระบาดจึงเอาสมบัติกองบนพื้นดิน 3 กองและเอาดินถม
(เดี๋ยวนี้เป็นวัด) กลุ่มที่มาทางทิศตะวันออกมาทางทะเลมาเกยตื้น จึงนำทรัพย์สินบรรจุในถ้ำที่เป็นเกาะเล็กๆ ที่เกาะนางยม
โดย อ.ปากพนัง และยังมีอีกหลายๆ แห่ง บางแห่งมีแท่งทองคำ จารึกคำว่าพระธาตุที่แผ่นทองคำ รวมแล้วสมบัติทั้งหมดผู้
ที่นำมามีเจตนาเป็นกุศลหวังได้ร่วมบูรณะพระบรมธาตุทั้งสิ้นนับเป็นการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่มากและต้องมีบุญมากจริงถึงได้
ร่วมบูรณะ และอยู่เห็นการบูรณะเสร็จสมบูรณ์ เพราะตายได้มากในระหว่างทางก็มี


             
บูรณะครั้งที่ 3 (หลังจากบูรณะครั้งที่ 2 ประมาณ 700 ปีเศษ)
           นับตั้งแต่ พ.ศ. 2497 หน่วยงานราชการและพุทธบริษัท ได้ร่วมกันบูรณะองค์พระบรมธาตุเจดีย์ โบสถ์ วิหารและ
เสนาสนะต่างๆให้กลับมาอยู่ในสถาพสมบูรณ์เรื่อยๆ มา องค์พระบรมธาตุนครศรีธรรมราชเป็นพุทธสถานที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด
ในดินแดนคาบสมุทรทะเลใต้ ซึ่งถึงคราวชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลาและได้รับการบูรณะมาตลอด แต่การบูรณะครั้งยิ่ง
ใหญ่จริงๆ นั้น ตามตำนานที่ปรากฏอยู่จะเกิดขึ้นในราวทุกๆ รอบ 700 ปี ต่อครั้งโดยประมาณ ซึ่งเป็นเสมือนอาถรรพย์กำหนด
แต่การบูรณะครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ นั้น ตามตำนานที่ปรากฏอยู่จะเกิดขึ้นในราวทุกๆ รอบ 700 ปี ต่อครั้งโดยประมาณ ซึ่งเป็น
เสมือนอาถรรพ์กำหนดลึกลับที่มีมาแต่โบราณกาล และมีน้อยคนนักที่ได้ล่วงรู้ในช่วงการบูรณะรอบที่ 3 วัดพระมหาธาตุนคร
ศรีธรรมราช ได้รับการบูรณะเสร็จสิ้นไปแล้ว มีดังนี้

           1. พ.ศ. 2479 บูรณะกำแพงและสร้างซุ้มประตูหน้า โดยพล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช กับอาจารย์ชุม ไชยศรี ร่วม
กันจัดสร้างพระผงชุดยอดขุนพล, พระผงท่าเรือ, พระผงนางตรา, พระขุนแผน, พระรอด, พระผงพระพวย และพระพุทธ
นิมิตร
           2. พ.ศ. 2517 บูรณะและต่อเติมวิหารคดด้านทิศเหนือ โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชร่วมกับ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์
ราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรม จัดสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลอง ขนาด 12 นิ้ว, 9 นิ้ว, 5 นิ้ว, พระกริ่ง และเหรียญ 2 ขนาด
           3. พ.ศ. 2537 บูรณะพระวิหาร 4 วิหาร โดยกรมศิลปากร
           4. พ.ศ. 2538 โดยกรมศิลปากร บูรณะปลียอดทองคำและองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ให้กลับมาอยู่ในสภาพแข็งแรง
สมบูรณ์ดังเดิม และยังมีความประสงค์ที่จะได้บูรณะเจดีย์รายรอบๆ องค์พระบรมธาตุเจดีย์ที่เหลืออีกจำนวน 163 องค์เช่นกัน
แต่หมดงบประมาณเสียก่อน
           5. พ.ศ. 2545 บูรณะพระวิหารกัจจายนะ และพระวิหารพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคร่วม
กับ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นเจ้าพิธีกรรม ได้จัดสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลอง มีพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. ที่ผ้าทิพย์
ขนาด 12 นิ้ว, 9 นิ้ว, 5 นิ้ว, พระกริ่ง, พระชัยวัต และเหรียญ 2 ขนาด ทำพิธีพุทธาภิเษกตั้งแต่พ.ศ. 2537 โดยนำเงินมอบ
ให้กรมศิลปากร เมื่อต้นปี พ.ศ. 2545 แต่เนื่องจากงบประมาณของกรมศิลปากรและเงินที่รับบริจาคของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
ได้หมดลงก่อน ไม่เพียงพอที่จะได้นำไปบูรณะเจดีย์บริวารรอบเจดีย์พระบรมธาตุที่เหลืออีก 163 องค์ให้เสร็จสมบูรณ์

           เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารนครศรีธรรมราช ร่วมกับ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดชและพ่อค้า
ประชาชนได้ร่วมกันจัดสร้างวัตถุมงคล เพื่อหาทุนมาสมทบกับงบประมาณของกรมศิลปากรเพื่อบูรณะเจดีย์รายรอบๆ องค์
พระบรมธาตุ ให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์คงทนถาวรดังเดิม ในการนี้จึงได้จัดสร้างรูปบูชา รูปเหมือนลอยองค์ ท้าวจัตตุคาม
และท้าวรามเทพ เหมือนรูปปูนปั้นที่นั่งอยู่สองฟากทางขึ้นพระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งมีอยู่ในวัดพระมหาธาตุนครศรีธรรมราชมา
ตั้งแต่สมัยศรีวิชัย สาเหตุที่ได้สร้างรูปของท่านก็เพื่อเป็นการให้ประชาชนระลึกถึงท่านทั้งสอง ที่ได้มาบูรณะวัดพระบรมธาตุ
เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณ พ.ศ. 1026 - 1040 เศษ หลังจากที่พระเจ้าเดือนเด่นฟ้าและพระเจ้าดาวเด่นฟ้าพระโอรสของพระ
เจ้าตะวันอธิราช กษัตริยืแห่งอาณาจักรสุวรรณภูมิได้มาสร้างเป็นเจดีย์ทรงศรีวิชัยไว้ โดยนิมนต์พระมูนียะเถระมาช่วยด้วย
และเปลี่ยนชื่อเมืองช้างค่อมเป็นชื่อเมืองว่านครธัมราช เมื่อประมาร พ.ศ. 270 เศษ

           โดยในการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ ได้จัดสร้างพระผงและเหรียญชื่อว่า พระอุดมโชคปฐมอรหันตืสุวรรณภูมิ
เพื่อถวายตอบแทนแก่พระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมทำพิธีให้กับวัดพระธาตุนครศรีธรรมราช ในการบูรณะเจดีย์รายและถวายแก่
วัดที่มอบ มวลสารมาให้สร้างพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ เนื่องจากไม่มีการถวายให้กับพระเกจิอาจารย์ที่มา
ร่วมพิธีและไม่ได้ถวายให้กับวัดที่ให้มวลสารมา จึงจัดสร้างพระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิขึ้นเป็นการถวายตอบ
แทนพระคุณ


           ปัจจุบันนี้พระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้พระที่จัดสร้างจำนวน 50,000
องค์ หมดไปจากวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน และพระเกจิอาจารยืที่ร่วมพิธีจัดสร้างพระผงว่าน
อุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ ได้ขอร้องให้ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช จัดสร้างให้กับวัดของท่านบ้าง เพราะทุกวัดก็มี
ภาระที่จะต้องทะนุบำรุงเช่นเดียวกับวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ก็รับปากว่าจะจัดสร้างถวาย
ให้ แต่เนื่องจากมีอายุมาแล้ว และต้องให้ทุนทรัพย์มากมาย จึงปรารภให้กรรมการผู้ใหญ่ที่จัดสร้างพระผงว่านอุดมโชค 8
อรหันต์สุวรรณภูมิ (พระเจดีย์ราย) ในขณะนั้นช่วยรับเป็นภาระ จากวันนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ คณะกรรมการมิได้นิ่งนอนใจเริ่ม
ดำเนินกรออกแบบใหม่ เพื่อมิให้ประชาชนหลงผืดว่าเป็นพระชุดเดียวกันกับพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ ส่วน
มวลสารใช้มวลสารเดิม ของพระผงว่านอุดมโชค 8 อรหันต์สุวรรณภูมิ ส่วนมวลสารใช้มวลสารเดิมของพระผงว่านอุดมโชค
8 อรหันต์สุวรรณภูมิทั้งหมด หามาสมทบเพิ่มอีกเล็กน้อยที่เกี่ยวข้องกับพระอรหันต์โดยตรง รวมทั้งค้นคว้าประวัติของพระ
อรหันต์ต้นปฐมของไทยและบรรดาขุนเมืองที่รับพระพุทธศาสนาพระองค์แรก บรรพชาพระองค์แรก ทอดกฐินพระองค์แรก
จุลกฐินพระองค์แรก และบรรพบุรุษไทยที่ทำคุณประโยชน์ต่อแผ่นดินทุกยุคในแผ่นดินสุวรรณภูมิที่ปรากฏในจารจารึก ราย
ละเอียดปรากฏอยู่ในหนังสือคู่มือ ซึ่งจะออกมาพร้อมกับพระ ในการจัดสร้างวัตถุมงคลครั้งนี้ ได้จัดสร้างพระผงและเหรียญ
ชื่อว่า " พระผงว่านอุดมโชคปฐมอรหันต์สุวรรณภูมิ " โดยกำหนดรูปแบบและความหมายเพื่อเป็นการเคารพบูชาบรรพบุรุษ
ทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายฆราวาส ดังนี้

ด้านหน้า ประกอบด้วยรูปแบบและความหมาย
           1. ตรงกลาง เป็นวงกลม 2 วงซ้อนกัน ตรงกลางมีอักขระขอม (ยะ) วงกลมหมายถึงกระดุมล้อเกวียน ส่วนอักขระ
(ยะ) คือพระศรีอริยะเมตตรัย ที่จะมาจุติในพุทธันดรที่ 5

           2. ส่วนซี่ล้อทั้ง 4 เป็นรูปพระพุทธนั่งสมาธิ มีอักขระกลางอกองค์ละตัวคือ นะ มะ พะ ทะ เป็นธาตุประจำมนุษย์
ส่วนพระเศียรค้ำวงล้อเกวียน หมายถึง พระเป็นผู้ประกาศและยืนยันให้รู้ว่า สิ่งมีชีวิตที่ประกอบด้วยธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม นั้น
ตราบใดที่ยังไม่บรรลุธรรมชั้นสูงก็ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏจักรอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

           3. ระหว่างองค์พระทั้ง 4 มีเลข 1 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า กุกกุสนโธ คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 1
ช่องที่ 2 มีเลข 2 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า โกนาคมโน คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 2 ช่องที่ 3 เมีเลข 3 ด้านล่าง
ด้านบนมีอักขระเขียนว่า กัสโป คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 3 ช่องที่ 4 มีเลข 4 ด้านล่าง ด้านบนมีอักขระเขียนว่า สักกาย
บุตรโต คือ พระพุทธเจ้าในพุทธันดรที่ 4 ล้อมรอบด้วยวงล้อเกวียน หมายถึง พระธรรมจักร

           4. รอบวงล้อเกวียน มีอักขระ 13 ตัว เป็นพระคาถาป้องกันอันตรายของอาจารย์ต้นสำนักเขาอ้อ

           5. รอบอักขระ 13 ตัว มีอักขระล้อมรอบเป็นวงกลม คือพระคาถาเยธัมมาฯ มีอยู่ในแผ่นดินของไทยเมื่อ 2000 กว่า
ปีมาแล้ว เป็นคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้าในเรื่องเหตุดังนี้ " ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตตรัสเหตุธรรม
เหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณมีปกติตรัสอย่างนี้ตรัสขึ้นแล้ว "

           6. รอบพระคาถาเยธัมมาฯ มีรูปพระอรหันต์สาวก 10 รูป เป็นรูปแปลงธรรมสมาธินั่งบนธรรมสมาธินั่งบนธรรม
มาส ครอบด้วยตัวพุทครอบซ้อนหรือในตำรานะพิศดารเรียกว่า นะครอบจักรวาลหรือตัวสำเร็จเป็นตัวนะที่ พล.ต.ต. ขุนพันธ
รักษ์ราชเดชใช้ชักผง ซึ่งนะสำเร็จนี้ท่านบอกว่า ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์หม่อมราชวงศ์ศรีทัศนาเรณูเป็นพระธุดงค์ ลูกศิษย์หลวงปู่โลกอุดร พระอาจารย์หม่อมบวชเมื่อรัชกาลที่ 3 และสอนท่านขุนพันธฯ ที่จังหวัดสระบุรีสมัยยังเรียนหนังสือ
วัดเบญจฯ ได้ใช้มาตลอด
 
 
หน้าต่อไป   
โทร.
(02) 224-0940
(02) 221-5791
ที่อยู่ : 2 สามแยกหมอมี ถ.พระราม 4
(ติดธ.เอเชีย สาขาสามแยก) ตลาดน้อย
เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100

คลิ้กที่นี่สำหรับแผนที่ตั้งศิริสโตร์
 
 

Copyright ® 2017 Siristore.com. All rights reserved by Siristore Team.
Contact : webmaster@siristore.com (Pasit & Jantarat)