|
วัตถุมงคลทรงคุณค่า
พุทธามหาเวท
พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ที่ปรึกษาฝ่ายจัดสร้างและพิธีกรรม
พิธีมหามงคลพุทธาภิเษก
วาระที่ 1 วัดพระมหาธาตุฯ 21 มิ.ย 48
วาระที่ 2 วัดศาลาไพ 13 ก.ย. 48
แหวนแปดทิศ
เนื้อเงินลงยาราชาวดี
บูชา 1,800 บาท
จตุคามฯ
รุ่น สร้างวิหาร
(จ.นราธิวาส)
จตุคามฯ
รุ่นฟ้าประทานพร
แสตมป์
รัชกาลที่ 5 เนื้อเงินลงยา
เหรียญพลังจักรวาล
รุ่นชนะมาร
บูชาเหรียญละ 1,800 บาท
(เลี่ยม)
พระปิดตา
(วัดรวก) โกผ่อง
หลวงพ่อทวด
ภ.ป.ร.
เสือมหาอำนาจ วัดหัวลำโพง เนื้อนวะ บูชา 400 บาท
จตุคามฯ
รุ่นพลีจ้าวสมุทร
จตุคามฯ
รุ่น สรรเพ็ชญ 2
จตุคามฯ
รุ่น สรรเพ็ชญ 3
*** ไม่ชาร์จค่าธรรมเนียมใดๆทั้งสิ้น ***
ยกเว้นวัตถุมงคลเนื้อทองคำชาร์จ 2% |
|
วัตถุมงคลทรงคุณค่า พุทธามหาเวท
วัดศาลาไพ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
พ่อท่านปรมาจารย์
เอียดดำ
เมื่อหลายปีก่อนผู้เขียนได้เคยสอบถามคุณตาพันธ์ว่า
นอกจากสำนักเขาอ้อจ.พัทลุง แล้วในจ.นครศรีธรรมราชซึ่งในยุค
ก่อนก็นับว่ามีพระเกจิอาจารย์แก่กล้าวิชาอาคมอยู่มากมาย คุณตาได้ศึกษาร่ำเรียนไสยเวทจากท่านผู้ใดบ้างไหม
คุณตาตอบโดย
ไม่ต้องคิดว่าในยุคปี 2480 นั้นท่านมีอาจารย์อยู่สองเอียดที่ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้เอียดหนึ่งคือ
พระอาจารย์เอียด วัดดอน
ศาลา พัทลุง และอีกเอียดหนึ่งคือ พ่อท่านเอียดดำ วัดศาลาไพ นครศรีธรรมราช
ทั้งสองเอียดนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง
โด่งดังในแคว้นแดนใต้ยุคนั้น ผู้เขียนเองก็เคยได้ยินนาม พ่อท่านเอียดดำอยู่เสมอ
เพราะเหรียญรูปเหมือนของท่านมีค่ำนิยมสูง
หลายหมื่นบาท และนับเป็นเหรียญยอดนิยมหนึ่งในเหรียญเบญจภาคีของนครศรีธรรมราช
กล่าวกันว่าวัตถุมงคลเครื่อง รางของ
ขลังซึ่งปลุกเสกโดยพ่อท่านเอียดดำมีพุทธคุณในด้านแคล้วคลาดคงกระพันสุดยอดเรียกว่า
เหนียวชนิดแมลงวันไม่ได้กินเลือดเลย
ทีเดียว
ผู้เขียนขอนำเรื่องราวประวัติของปรมาจารย์พ่อท่านเอียดดำมาเล่าสู่กันฟังโดยความอนุเคราะห์ของพ่อท่านชมวัดศาลา
ไฟเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันช่วยค้นคว้าข้อมูลโดยย่อมาให้ ซึ่งปัจจุบันพ่อท่านชมก็นับเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ในนครศรีธรรมราชและมักจะได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมนั่งปลุกเสกวัตถุมงคลพิธีสำคัญแทบทุกครั้ง
พ่อท่านเอียดดำถือกำเนิดขึ้นใน
ตระกูลบุญเรือนที่บ้านทับชัน หมู่ 6 ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ห่างวัดศาลาไพ
ประมาณ 5 กิโลเมตร ชื่อบิดา
มารดาและวันเดือนปีเกิดกำลังค้นคว้าอยู่ท่านมีน้องสาวอีกหนึ่ง คมนามว่านางเรือง
บุญเรือง ชีวติในวัยเยาว์ของเด็กชายเอียดก็
เฉกเช่นเด็กผู้ชายทั่วไป คือ แก่น แก้ว ซุกซนแต่เด็กชายเอียดมีดีตรงที่เป็นเด็กใจบุญสุนทาน
ไม่ชอบทำบาป ไม่ฆ่าสัตว์ในสมัย
นั้น ทางบ้านของเด็กชายเอียดมีฐานะยากจน ดังนั้นบิดามารดาจึงนำเด็กชายเอียดไปฝากร่ำเรียนหนังสือกับหลวงตาที่นับถือรูป
หนึ่งที่วัดพระคุต ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเป็นเวลาหลายปีจวบจนได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดยวนแหล่และเมืออายุครบบวชก็ได้อุปสมบท
ที่วัดตะวันตก ได้รับฉายาว่า อริยวังโส เมื่ออุปสมบทได้ระยะหนึ่งแล้วพระภิกษุเอียดก็ได้ปลีกวิเวกออกธุดงค์ไปตามป่าเขา
ค่ำที่
ไหนก็ปักกลดเจริญสมาธิที่นั้น รอนแรกฝ่าความยากลำบากอย่างไม่ย่อท้อผจญพบพานกับสัตว์ร้ายนานาก็ได้แต่สวดมนต์แผ่เมตตา
ทำให้ปลอดภัยปราศจากภยันตรายมากล้ำกราย ท่านจาริกธุดงค์ไปอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งไปถึงเขตป่าประเทศพม่า
ตลอด
ระยะหลายปีในป่าเขาลำเนาไพรได้พบได้ศึกษาวิชาอาคมกับพระภิกษุชราผู้เรืองเวทหลายท่าน
จึงสั่งสมเพิ่มพูนความเชี่ยวชาญ
ในด้านไสยเวทขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินทางกลับ เข้าสู่เขต จ.นครศรีธรรมราช
ก็ได้หยุดและจำพรรษาตามวัดต่างๆ หลายแห่งจน
ในที่สุดก็มาถึงดินแดนถิ่นกำเนิดชาวบ้าน ญาติพี่น้อง ก็ขอให้ท่านอยู่จำพรรษาที่วัดศาลาไพ
ซึ่งในขณะนั้นมีพ่อท่านเพชร ซึ่งเรือง
เวทวิทยาคมยิ่งเป็นเจ้าอาวาส อยู่ช่วยทำนุบำรุงพัฒนาวัดและในยามว่างก็ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจากพ่อท่านเพชรจนกระทั่งเจน
จบครบถ้วนสรรพวิชาการ จนกระทั่งในปี 2470 พ่อท่านเพชรก็ได้ถึงแก่มรณภาพดังนั้นชาวบ้านจึงได้ขอให้พระภิกษุเอียดขึ้น
เป็นเจ้าอาวาสแทน เนื่องจากขณะนั้นในละแวกใกล้เคียงมีเจ้าอาวาสชื่อเอียดอยู่สองรูป
คือ พ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ และพ่อท่าน
เอียด วัดโรงฆ้อง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านจึงเรียกพ่อท่านเอียด วัดศาลาไพ ซึ่งมีสีผิวคล้ำดำกว่าว่าพ่อท่านอาจารย์เอียดดำตั้งแต่นั้นมา
พ่อท่านเอียดดำได้นำวิชาความรู้ด้านไสยเวทที่เชี่ยวชาญชำนาญการยิ่งสงเคราะห์ญาติโยมจนชื่อเสียงกิติศัพท์โด่งดัง
ไปกว้างไกล ดังนั้นในราวปี 2482 ชาวบ้านจึงขอให้ท่านสร้างวัตถุมงคลขึ้นบ้าง
ซึ่งท่านก็ได้สร้างเสื้อยันต์ผ้าประเจียดตะกรุด
และเครื่องรางของขลังต่างๆ อีกทั้งมอบหมายให้ นายไข่ คะงา ไปจัดทำเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก
ซึ่งสร้างจำนวนน้อยมากวัตถุ
มงคลทั้งหมดพ่อท่านเอียดดำประกอบพิธีปลุกเสกเดี่ยวตามลำพังซึ่งในห้วงนั้นคุณตาขุนพันธ์ก็ได้ไปอยู่ช่วยเหลือตามกำลัง
เมื่อ
เสร็จพิธีกรรม ประจุพุทธาคมแล้ว พ่อท่านเอียดดำก็ได้แจกวัตถุมงคลให้แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา
ซึ่งก็ได้ปรากฏพุทธคุณเป็นที่เลื่อง
ลือ ความเก่งกล้าในวิชาคาถาอาคมของพ่อท่านเอียดดำเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วนครศรีธรรมราช
แม้กระทั่งพระอาจารย์เขียวก็
ยังดั้นด้นมาขอศึกษาวิชาอาคม ซึ่งในยุคถัดมาพ่อท่านเขียว วัดหรงบน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศครั้นในปี
2484 ได้เกิด
สงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพทหารญี่ปุ่นได้ยกกำลังขึ้นที่บ้านท่าแพ นครศรีธรรมราช
ทหารกล้าฝ่ายไทยก็ได้ยกกำลังเข้า
ต่อต้านและในห้วงระยะนี้เองที่วัดศาลาไพจะเนืองแน่นไปด้วยเหล่าทหาร ซึ่งมาขอของดีคุ้มภัยพ่อท่านเอียดดำก็ได้มอบให้ทุก
รายเป็นผ้ายันต์บ้างตะกรุดบ้าง ปรากฏว่าบรรทหารกล้าที่มีของดีพ่อท่านเอียดดำติดกายอยู่รอดปลอดภัย
บางรายโดนทหาร
ญี่ปุ่นยิงจนล้มคะมำ แต่ก็ลุกขึ้นสู้ต่อเพราะอำนาจกระสุนไม่สามารถต้านอำนาจพุทธคุณได้
ดังนั้นประโยคที่ว่ามีของดีพ่อท่าน
เอียดดำแมลงวันไม่ได้กินเลือดก็ดังกระหึ่มไปทั่วแดนใต้
ในยุคนั้นละแวกวัดศาลาไพนับเป็นถิ่นคนดุจนเรียกกันเป็นดงเสือแดนสิงห์
แต่พ่อท่านเอียดดำก็ได้ใช้เมตตาธรรมอบรม
สอนสั่งจนทุกคนประพฤติตนเป็นคนดีถ้วนทั่ว นอกจากจะเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแล้ว
พ่อท่านเอียดดำยังเป็นพระนักพัฒนา
จึงได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพจนรุ่งเรืองและยังได้ก่อสร้างโรงเรียนวัดศาลาไพในปี
2475 หลังจากที่ได้ทำนุบำรุงวัดศาลาไพและ
ก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ พ่อท่านเอียดดำจึงได้ตัดสินใจออกธุดงค์อีกครั้งจนได้พบว่าที่วัดในเขียวซึ่งขณะนั้นอยู่ในสภาพทรุด
โทรม จึงได้อยู่จำพรรษาทำนุบำรุงวัดในเขียวอีกแห่ง ในระหว่างนั้นท่านก็ได้ไปๆ
มาๆ ระหว่างวัดศาลาไพและวัดในเขียวซึ่ง
เดินทางโดยเท้าเปล่า จนกระทั่งในปี 2486 เมื่อท่านพิจารณาเห็นว่าทางวัดศาลาไพได้เจริญรุ่งเรืองสมดังเจตนาแล้ว
แต่ทางวัด
ในเขียวยังต้องพัฒนาอีกมาก จึงตัดสินใจย้ายมาอยู่วัดในเขียวเป็นการถาวรจนกระทั่งได้ละสังขารที่วัดในเขียวในปี
2495 และ
ทางวัดได้เก็บรักษาสังขารของท่านไง้จนถึงปี 2499 จึงได้ทำการฌาปนกิจ
พิธีมหามงคลบวงสรวงเททองและกดพิมพ์พระผงนำฤกษ์
วัตถุมงคล รุ่นพุทธามหาเวท วัดศาลาไพ
|
|
พระอาทิตย์ทรงกลด ขณะทำพิธีบวงสรวง
เวลา 16.30 น. |
พระอาทิตย์ทรงกลด ขณะทำพิธีบวงสรวง
เวลา 17.20 น. |
|
พระจันทร์ทรงกลด
ขณะเททอง |
เมื่อคืนวันเพ็ญอังคารที่
21 มิถุนายน 2548 ได้เกิดปรากฏการณ์ครั้งสำคัญอันนับเป็นประวัติศาสตร์ เมื่อกระแสสาย
ธารแห่งศรัทธาของมหาชนนับพันนับหมื่น ได้หลั่งไหลเข้ามารวมอยู่ในมณฑลพิธีหน้าวิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
เพื่อร่วมอนุโมทนาในพิธีกรรมมหามงคลบวงสรวงเททอง และเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์วัตถุมงคล
รุ่น "พุทธามหาเวท" นับเป็น
พิธีกรรมที่ประกอบขึ้นอย่างถูกต้องเพรียบพร้อมสมบูรณ์ทั้งพิธีทางพุทธและพราหมณ์ตามแบบฉบับของ
พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์
ราชเดช โดยมีอาจารย์เอกวิทย์ ยอดระบำ ศิษย์เอกที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทเป็นเจ้าพิธีกรรม
ความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีมหา
มงคลครั้งนี้ได้ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ต่อสายจาของมหาชนผู้ศรัทธาในพิธีทุกท่าน
เพราะได้บังเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ
พระอาทิตย์ทรงกลดพระทำพิธีกดพิมพ์พระผงนำฤกษ์และในพลบค่ำก็ได้บังเกิดพระจันทร์ทรงกลดเป็นที่อัศจรรย์ขณะทำพิธี
เททอง
16.19 น. |
พราหมณ์อ่านโองการบวงสรวงเทพยดาอารักษ์ทั่วท้องจักรวาล |
17.19 น. |
ประกอบพิธีเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์โดยมี พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง,
พ่อท่านชม วัดศาลาไพ, พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวกสามแก้ว, พ่อท่านสูตร
วัดในเตา เจิมพระผงนำฤกษ์ทุกองค์ |
17.39 น. |
พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมขึ้นสู่ธรรมมาสต์นั่งปรกภาวนาประจำทิศ
ได้แก่ พ่อท่านเนียม วัดบางไทร, พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ, พ่อท่านวรรณ
วัดเสาธงทอง, พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ, พ่อท่านหรั่ง สำนักสงฆ์ห้วยเตง,
พ่อท่านคล้อย วัดภูเขาทอง, พ่อท่านเอียด วัดโคกแย้ม, พ่อท่านหรีด วัดป่าโมกข์,
พ่อท่านไพสิทธิ์ สำนักสงฆ์วิเวก สามแก้ว, พ่อท่านสูตร วัดในเตา |
18.19 น. |
พระครู 4 กา ผู้รักษาพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช พระครูกาแก้ว,
พระครูกาชาด, พระครูกาเดิม, พระครูการาม และพระคณาจารย์ผู้ทรงคุณ รวม
9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ |
19.39 น. |
มหามงคลอุดมฤกษ์ 3 ยอดขุนพลพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองเวทแห่งแดนใต้ พ่อท่านเนียน
วัดบางไทร จ.นครศรีธรรมราช , พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ จ.สุราษฏร์ธานี,
พ่อท่านกลั่น วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง ผนึกพลังเวทร่วมเป็นองค์ประธานเททอง
พระคณาจารย์ผู้ทรงคุณสวดชัยมงคลคาถา คณะพราหมณ์ลั่นฆ้องชัย เป่าสังข์แกว่งบัณเฑาะ
จุดพลุดอกไม้ไฟนำฤกษ์ขณะเดี่ยวกันวงโยธวาทิต โรงเรียนกัลยาณีฯ บรรเลงเพลงมหาฤกษ์มหาชัย |
20.49 น. |
พระเกจิอาจารย์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ โปรยข้าวตอกดอกไม้ ปล่อยโคมลอยและจุดพลุสมโภช |
21.19 น. |
พระเกจิอาจารย์แจกวัตถุมงคลและประพรมน้ำมนต์วันเพ็ญแก่ผู้มาร่วมพิธี |
พิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพยดา
พระคณาจารย์รวม 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์
|
|
สามยอดขุนพลเกจิอาจารย์เมืองใต้ผนึกพลังเวทเทอง |
ปฏิหาริย์ได้บังเกิดแล้ว |
|
|
|
|
|
|
วัตถุมงคลทรงคุณค่า
พุทธามหาเวท
|
|
พ่อท่านชม
วัดศาลาไพ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน |
ภายในวัดศาลาไพ กำลังบูรณะก่อสร้าง |
ด้วยเหตุที่
วัดศาลาไพ ได้ชำรุดทรุดโทรมลงตามกาลเวลา ทำให้พ่อท่านชม วัดศาลาไพ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
มีวัตถุ
ประสงค์ที่จะก่อสร้างบูรณะเสนาสนะภายในวัดให้มั่นคงถาวร จึงมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุประสงค์ที่จะก่อสร้างบูรณะเสนาสนะ
ภายในวัดให้มั่นคงถาวร จึงมีดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อหาปัจจัยมาใช้ในการนี้
ดังนั้นจึงได้ขอความอนุเคราะห์มายัง
พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช ให้ช่วยเหลือในงานกุศลนี้ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ซึ่งนับเป็นศิษย์ วัดศาลาไพคนหนึ่งมีความ
ยินดีที่จะสนองพระคุณพ่อท่านเอียดดำครูบาอาจารย์ จึงมอบหมายให้บุตรชายคือคุณณสรรค์
พันธรักษ์ราชเดช ร่วมกับพระ
อาจารย์ชม วัดศาลาไพ จัดสร้าง วัตถุมงคล รุ่นพุทธามหาเวท ขึ้น เพื่อให้วัตถุประสงค์สำเร็จ
ลุล่วงโดยเร็ว
วัตถุมงคลรุ่น
พุทธามหาเวท ทุกแบบทุกพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นเนื้อโลหะหรือเนื้อผงล้วนแล้วแต่จัดสร้างขึ้นอย่างพิธีพิถัน
จึงมีรูปแบบพิมพ์ทรงที่สรรค์สร้างได้สวยงามคมชัดอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังได้เน้นในด้านชนวนมวลสารเป็นสำคัญจึงได้นำมวล
สารจากพระชำรุดแตกหักของ รุ่น บูรณะหลักเมืองนครศรีฯ 2547 รุ่นพุทธศิลป์ย้อนยุค
วัดนาสน และรุ่นไตรภาคีศรีนคร วัด
นางตรา จำนวนมากซึ่งผ่านพิธีกรรมทับถมมาหลายครั้งมาเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมวลสารของวัตถุมงคลทั้งสามรุ่นดังกล่าวมี
รากฐานมาจากมวลสารว่านศักดิ์สิทธิ์นับร้อยนับพันของ พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช
นั่นเอง
สำหรับในด้านพิธีกรรมก็ยังคงยึดมั่นในความถูกต้องเข้มขลังโดยจัดประกอบขึ้นสองวาระ
คือ
วาระที่
1 พิธีมหามงคลบวงสรวงเททองและเปิดพิมพ์พระผงนำฤกษ์ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ในคืนวันเพ็ญ
อังคารที่ 21 มิถุนายน 2548
วาระที่
2 พิธีสมโภชมหาโสฬสพุทธาภิเษก ณ วัดศาลาไพ ในคืนวันอังคารที่ 13 กันยายน
2548
วัตถุมงคลเนื้อโลหะประกอบด้วย
พระรูปเหมือนพ่อท่านเอียดดำ ขนาดบูชา 5 นิ้ว ขนาดบูชาตั้งหน้ารถและขนาด เล็ก
แบบห้อยคอ, พระยอดธงนำฤกษ์นำชัยศิลปเมืองนคร, พระพิฆเนศดอกจันทร์ลอยองค์แบบโบราณศิลปเมืองนคร
พระปิดตาใน
ครรภ์นั่งยอง สอดเข่ามือไขว้แบบโบราณศิลปเมืองนครและเหรียญรูปเหมือนพ่อท่านเอียดดำ
ส่วนพระเนื้อผงประกอบด้วย
- มวลสารส่วนผสม
รุ่นบูรณะหลักเมืองนครศรีฯ
2547
รุ่นพุทธศิลปย้อนยุค
วัดนาสน
รุ่นไตรภาคีศรีนคร
วัดนางตรา
- ช่อพระยอดธงนำฤกษ์
นำชัย 99 องค์ เนื้อนวโลหะแก่ทองคำกลับดำสนิท
|