|
|
จตุคามรามเทพ รุ่น มงคลชีวิต (Jartukam "Mongkonchewit" batch) "ตราบใดที่น้ำทะเลยังไม่แห้ง มึงมีกูไว้ไม่จน" มหาตำนานความศักดิ์สิทธิ์ " ขอได้ ไหว้รับ " หนึ่งเดียวในแผ่นดิน วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อมอบให้แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมถวายปัจจัยในการบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถ รวมถึงเสนาสนะต่างๆ ภายในวัดรวก บางสีทอง และให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้บูชา เพื่อนำปัจจัยไปสมทบทุนในการบูรณะอุโบสถและเสนาสนะต่างๆ ในวัด ตำนานอัศจรรย์ของ มหาโพธิสัตว์ ศรีมหาราช พังพกาฬ เมื่อพูดถึงเรื่องพังพกาฬ คนเฒ่าคนแก่มักจะเล่าให้ฟังว่าที่มาของคำพังเพยในถิ่นภาคใต้ของเรา คำว่า "ตายด้วยดาบ ปาเข" เรื่องมีอยู่ว่า พังพกาฬ เป็นลูกชาวบ้านธรรมดา ซึ่งอาศัยอยู่นอกกำแพงเมืองนครศรีธรรมราช แถบบ้านมะม่วงสองต้นใน ปัจจุบัน ในวัยเด็กของพังพกาฬชอบเล่นเป็นนักรบและเป็นหัวหน้าของเด็กทั้งหลาย ส่วนพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่เห็นลูกหลานเล่นกันเป็น นักรบบ้าง เป็นทหารบ้าง ต่างเห็นดีเห็นงามช่วยกันทำหอกทำดาบไม้เป็นอาวุธให้เด็กๆ ใช้เล่น ส่วนพ่อของเด็กชายพังพกาฬก็ทำ ดาบด้วยไม้ปาเข (เป็นไม้เนื้ออ่อนชนิดหนึ่งขึ้นอยู่ริมน้ำ) ให้ลูกของตน เช่นกันเพื่อใช้เป็นอาวุธเล่นกับเพื่อนๆ ตามปกติ แต่วันนั้นการ เล่นถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม สมมติกันว่าเป็นทหารสองกองทัพกำลังทำการสู้รบกัน เด็กชายพังพกาฬจับได้ตัวแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามไว้ได้ จึงนำตัวแม่ทัพนั้นไปประหารชีวิตและลงมือประหารด้วยตนเอง โดยใช้ดาบไม้ปาเขที่ใช้เป็นอาวุธกันนั้น ฟันคอแม่ทัพฝ่ายตรง ข้ามขาดใจตายไปจริงๆ ทั้งๆ ที่เป็นการเล่นกัน จึงได้มีคำพังเพยเล่าลือสืบกันต่อมาคือ คำว่า "ตายด้วยไม้ปาเข" ความหมายคือ ตายในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องนั้นเอง บรรดาพ่อแม่ของเด็กที่ตายโกรธ นำความไปฟ้องต่อเจ้าเมืองเพื่อให้ลงโทษ เจ้าเมืองกลับเห็นเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่เด็ก ใช้ไม้ฟันเด็กด้วยกันคอขาดตาย จึงบัญชาสั่งให้นำตัวเด็กชายพังพกาฬ พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปไต่สวนหาความจริงในเมือง ผล การไต่สวนเป็นประการใดผู้เล่าไม่ได้กล่าวถึง เพียงแต่เล่าต่อว่า เจ้าเมืองได้ชุบเลี้ยงเด็กชายพังพกาฬเอาไว้ในเมืองครั้นเติบใหญ่ พังพกาฬถูกแต่งตั้งให้เป็นนายทหารคู่ใจ ออกรบทัพจับศึกไม่ว่าศึกเล็กศึกใหญ่พังพกาฬรบชนะมาตลอดไม่เคยปรากฏว่าพังพกาฬ จะเพลี่ยงพล้ำแก่ศัตรูเลยซักนิด จนได้แต่งตั้งให้เป็น "พระยาขนทวน" เพราะเป็นคนที่มีลักษณะพิเศษคือ ขนที่งอกออกมาจะกลับ เข้าหาตัวหรือทวนขึ้น ลักษณะเส้นขนจะไม่ลู่ไปตามลำตัวเหมือนคนทั่วไป พังพกาฬกับพระยาทวน จะเป็นคนเดียวกันหรือไม่นั้นผู้เขียนมิกล้ายืนยัน เพราะที่ได้เล่าสู่กันฟังมาทั้งหมดก็เป็นเรื่อง ที่ได้รับฟังมาตั้งแต่เด็ก แต่กิตติศักดิ์คำเล่าลือที่ได้ยินต่อๆ กันมาว่า พระยาขนทวนหรือพระยาพังพกาฬ เป็นผู้มีเวทมนต์คาถา อาคมแก่กล้ายิ่งนักไม่เคยเกรงกลัวหลบลี้หนีหายจนหมดสิ้น และนี่คือความเชื่อในที่มาของ "มหาโพธิสัตว์ ศรีมหาราช พังพกาฬ" วัดรวก เดิมนั้นเป็นวัดร้างมาก่อน ทั่วบริเวณวัดมีป่าไผ่รวกขึ้นเต็มไปหมด จึงตั้งชื่อว่าวัดรวก ต่อมาในปีพุทธศักราช 2467 หลวงพ่อพร้อม จตฺตเสโต (เจ้าอาวาสรูปแรก) ได้เข้ามาบูรณะวัดรวกขึ้นใหม่ หลวงพ่อพร้อมท่านมีความสามารถและโด่ง ดังมากในด้านเวทมนต์คาถา เสกเป่าทำน้ำมนต์รักษาเกี่ยวกับเรื่องกระดูกแตกหัก จนเป็นที่ร่ำลือ ทำให้มีคนรู้จักวัดรวกมากขึ้น ต่อ มาท่านได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวนที่ "พระครูพร้อม" และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น"พระครูนนทการประสิทธิ์" ในปี พ.ศ.2501 หลวงพ่อพร้อมท่านเป็นเจ้าอาวาสดูแลวัดรวกตั้งแต่ปี พ.ศ.2467 ถึงปี พ.ศ.2508 หลังจากหลวงพ่อพร้อมได้ มรณภาพลง พระอาจารย์มหาสมศักดิ์ ฐิตธมฺโม ก็ได้เข้ามาดำรง ตำแหน่งเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดรวกเป็นรูปที่ 2 ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2509 ถึงปี พ.ศ. 2529 รวม 20 ปี หลังจากนั้นพระมหาประยงค์ สุวโจ ได้มาเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 3 ต่อจากพระอาจารย์มหา สมศักดิ์ตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ถึงปี พ.ศ.2544 แล้วต่อมาพระครูสังฆรักษ์ณรงค์ปวีโร ก็ได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสปกครอง ดูแลวัดรวกตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดรวกมีสภาพทรุดโทรมมากในปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นต้องใช้ปัจจัยจำนวนมากในการที่จะบูรณะ ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ให้มีสภาพเหมือนเดิม พระครูสังฆรักษ์ณรงค์ ปวีโร จึงได้ดำริที่จะจัดสร้างวัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพ ขึ้นเพื่อตอบแทนแก่พุทธศาสนิกชนผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมทำบุญบูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะต่างๆของวัดรวกและให้พุทธศาสนิกชน ทั่วไปได้บูชา โดยใช้ชื่อรุ่นว่า "มงคลชีวิต" เพื่อให้เกิดความเป็นมงคลในชีวิตแก่ผู้ที่ได้บูชา ตามคำกล่าวของผู้ที่เคยบูชาองค์พ่อ จตุคามรามเทพ ที่ว่า ผู้ใดที่บูชาองค์พ่อจตุคามรามเทพ จะประสบแต่สิ่งที่ดีมีมงคล "ขอได้ ไหว้รับ"
กำหนดประกอบพิธี มหาพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก ในวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 ณ อุโบสถ วัดรวก ต.บางสีทอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 9 รูป สวดพระธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตร สมเด็จพระมหารัชมัง คลาจารย์ วัดปากน้ำ จุดเทียนชัย และร่วมอธิษฐานจิต พระเกจิ 16 รูป อธิฐานจิต (พระพิธีธรรม จากวัดระฆังโฆสิธาราม สวด พุทธาภิเษก) นายอะผ่อง สกุลอมร (โกผ่อง) อัญเชิญ องค์จตุคามรามเทพ ประกอบพิธีเทวาภิเษก พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ พระราชาคณะ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง มี พระธรรมกิตติ มุนี วัดเฉลิมพระเกียรติ นนทบุรี, พระกิตติเมธี วัดสัมพันธวงศาราม กรุงเทพฯ พระราชรัตนสุธี วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ, พระราชนันทมุนี วัดละหา นนทบุรี, พระราชธรรมสุนทร วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ, พระราชรัตนวราภรณ์ วัดพนัญเชิง อยุธยา, พระพิศาลพัฒโนดม วัดยาง กรุงเทพฯ, พระรัตนเมธี วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ, พระปริยัติกิจวิธาน วัดโสธรวรามราม ฉะเชิง- เทรา พระเกจิอาจารย์ 16 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต พระมงคลสุทธิคุณ (ฟู) วัดบางสมัคร ฉะเชิงเทรา, พระครูนนทกิจ พิบูลย์ (เก๋) วัดปากน้ำ นนทบุรี, พระครูสังวรสมณกิจ (ทิม) วัดพระขาว อยุธยา, พระครูสุนทรธรรมวินิฐ (รวย) วัดตะโก อยุธยา, พระครูปิยะนนทคุณ (แย้ม) วัดตะเคียน นนทุบรี, พระครูประโชติธรรมวิจิตร (เพิ่ม) วัดป้อมแก้ว อยุธยา, พระครูนนทการประ สิทธิ์ (ประสิทธิ์) วัดไทรน้อย นนทบุรี, พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ (พูน) วัดบ้านแพน อยุธยา, พระครูสมุทรพัฒนโสภณ (ทองหล่อ) วัดคันลัด สมุทรปราการ, พระครูพิพิธวรกิจ (คล้อย) วัดภูเขาทอง พัทลุง, พระอาจาย์เอียด ครุธมฺโม (เอียด) วัดโคกแย้ม พัทลุง, พระครูวิโรจน์ศาสนกิจ (ช่วง) วัดควนปันตาราม พัทลุง, พระครูวิมลจันโทภาส (อ่าง) วัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุรี, พระครู สุวรรณโชติคุฒิ (ตี๋) วัดหูช้าง นนทบุรี, พระครูสุวัจจริยาภรณ์ (ประยงค์) วัดบางนมโค อยุธยา, หลวงพ่อกราย วัดอัมปึล ประเทศ เขมร ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่สุดของพิธีมหาพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก เมื่อคณะกรรมการได้อัญเชิญ องค์พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาเป็นประธานในมณฑลพิธี ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2549 โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ เมตตาเป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย และร่วมอธิษฐานจิตโดยสุดยอดพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง 16 รูป ผู้ทำหน้าที่อัญเชิญองค์จตุคามรามเทพ จากตำนานความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เทพ ผู้ปกปักรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ ณ มหาธาตุเจดีย์ วัดพระ มหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช มีนามว่า "ท้าวจตุคาม รามเทพ" ได้บังเกิดกระแสความศรัทธาและการกล่าวขานถึง ความศักดิ์สิทธิ์ของ "องค์จตุคาม รามเทพ" แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วทั่วประเทศในระยะเวลาอันสั้น บุคคลท่านหนึ่งที่มีส่วน ทำให้ผู้คนทั่วประเทศได้รู้จักและรับรู้ถึงเรื่องราว "องค์จตุคามรามเทพ" จากสามัญชนธรรมดาที่บังเอิญมี "ความพิเศษ" ติดตัว มาตั้งแต่เกิด นาม "อะผ่อง สกุลอมร" หรือที่รู้จักกันในนาม "โกผ่อง" ผู้ที่ถูกลิขิตโดยองค์พ่อจตุคามรามเทพ ให้ทำหน้าที่อัญเชิญ องค์พ่อจตุคามรามเทพ ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่เอื่อประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา รวมไปถึงสาธารณะประโยชน์ต่างๆ มากมาย และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องรับหน้าที่ที่ได้ถูกลิขิตไว้แล้ว อัญเชิญองค์พ่อจตุคามรามเทพ ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก ให้บังเกิด ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมงคลองค์จตุคามรามเทพ "รุ่น มงคลชีวิต" ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้เป็น "มงคลชีวิต ก่อให้เกิด ความ มั่งมีศรีสุข อยู่เย็นเป็นสุข กับผู้มีจิตศรัทธาบูชา" แก่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมกันทำนุบำรุง ศาสนสถาน ไว้ในพระพุทธศาสนา ให้เป็นสาธารณะประโยชน์แก่ลูกหลานได้ใช้กันต่อไป ด้วยรักและศรัทธาจากโกผ่อง ผู้อัญเชิญองค์ "พ่อ" จตุคามรามเทพ จตุคามรามเทพ หรือองค์พ่อจตุคาม รามเทพที่ท่านต่างเคารพและศรัทธา ด้วยอำนาจบารมีอันศักดิสิทธิ์ที่องค์ท่าน ทรงแผ่เมตตาต่อเหล่าบรรดาศิษย์น้อยใหญ่ ทรงช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์ภัย รวมถึงให้บังเกิดโชคลาภตามบุญตามวาสนาบารมีของ แต่ละท่าน จะเอื้ออำนวยส่งผลต่อพ่อจตุคาม รามเทพ นับจากปี 2528 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน พลังศรัทธาของคณะศิษย์ทั้งเก่า และใหม่นับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเชื่อและความศรัทธาของข้าพเจ้าที่มีต่อองค์ท่านจตุคามราทเทพนั้น ท่านเปรียบเสมือน พลังแสงขแงพระอาทิตย์ที่สาดส่องมาสู่โลกมนุษย์ แผ่เมตตาแผ่บารมีต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่เท่าเทียมกัน หากแต่ต่างกันตรงวาระ กรรมเก่าใหม่ที่แต่ละบุคคลได้สะสมกันมาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน วาระกรรมก็เปรียบเทียบเสมือนก้อนเมฆน้อยใหญ่ที่แผ่ ปกคลุมปิดบังลำแสงของพระอาทิตย์สาดส่องถึงตัวท่าน ยังผลให้ตัวท่านต้องตกอยู่ภายใต้เงาดำของก้อนเมฆแห่งกรรมนั้นบังเกิด ผลต่อท่านคือความทุกข์ เหตุเภทภัยทั้งหลายต่างๆ รุมเร้าให้ท่านตลอดถึงครอบครัวต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ พูดถึงเรื่องคนทำความดี ท่านที่ทำดีไม่ขึ้นอย่าท้อนะครับ อดทนทำต่อไปเถิด ความดีที่ท่านทำนั้นขณะนี้เหมือน ดั่งถูกสะสมไว้ในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลาทุกๆ ครั้งที่ท่านทำ พลังความดีได้ถูกสะสม มิได้หายไปไหน เพียงแต่ถูกขัด ขวางด้วยทำนบกรรมน้อยใหญ่ที่ขวางกั้นอยู่นั้นสักวันหนึ่ง เมือทำนบกรรมนั้นพังลง ผลบุญที่ท่านได้สะสมไว้จนล้นอ่าง ก็จะส่ง ผลให้ท่านพบกับความเจริญรุ่งเรืองต่อไป เหมือนดังเราท่านทั้งหลายที่ผลบุญของเราได้ช่วยขับเคลื่อนตัวเราและตัวท่านจนเรา ทั้งหลายได้พบกับพลังแสงแห่งดวงพระอาทิตย์ขององค์พ่อจตุตาม รามเทพ นั่นเอง ประวัติขององค์พ่อจตุคาม รามเทพนั้น ท่านก็ได้ยึดถือพระธรรมคำสั่งสอนแห่งองค์พระสัมพุทธเจ้าเช่นกัน ข้าพเจ้า อยากยกตัวอย่างเปรียบเทียบให้ท่านผู้อ่านนำไปพิจารณาอีกครั้ง องค์ท่านพ่อจตุคาม รามเทพหรือก่อนเราอธิษฐานเรามักขอเป็น ลูกท่านกันเสียเป็นส่วนใหญ่ และมักเรียกท่านสั้นๆ ว่า "พ่อ" คำว่า พ่อ ตามความหมายคือผู้ให้ พ่อสามารถให้ลูกได้ทุกอย่างตาม ที่ลูกปรารถนา หากพ่อมีลูกเพียงคนเดียว พ่อคงไม่ต้องเลือกี่จะให้ใคร สมบัติทั้งหลายรวมถึงความรัก พ่อคงทุ่มเทให้ลูกที่มีอยู่ เพียงคนเดียวเท่านั้น นั่นไม่แปลกอะไรเลยใช่ไหมครับท่านผู่อ่านทุกท่าน แต่หากว่าพ่อมีลูกหลายคนแต่ละคนก็แตกต่างกันไป นั่นอยู่ ในสายตาของพ่อตลอด ลูกบางคนชอบความสุขสบาย ไม่ชอบทำมาหากิน มาหาพ่อขอสตางค์ นั่นคือพ่อ แต่พ่อคงให้ลูกที่ไม่รู้จัก ทำมาหากินได้ไม่ทุกครั้งไป ตราบใดที่ลูกยังไม่รู้จักลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองในเรื่องการสร้างบุญกุศลเสริมบารมีให้แก่ตนเทียว ขอแต่บารมีของพ่อ พ่อคงช่วยลูกได้เพียงครั้งหรือสองครั้ง แต่สุดท้ายพ่อท่านคงไม่ช่วยเลย ส่วนลูกที่ขยันทำมาหากิน ความเป็นพ่อมักจะไม่ค่อยห่วงลูกลักษณะนี้สักเท่าไร แต่พ่อไม่เคยทอดทิ้งลูก ท่านมัก เฝ้ามองคอยประคับประคองอยู่ห่างๆ จนบางคราวลูกลักษณะนี้มักแอบน้อยใจหาว่าพ่อลำเอียงบ้าง มักแอบตัดพ้ออยู่ลึกๆ ในใจ ใน ความเป็นจริงเขามักจะเป็นนักสู้มาแต่กำเนิดไม่ชอบขอความช่วยเหลือจากใครแต่กลับคอยช่วยเหลือผู้อื่นเสียอีก ทำให้พ่อแอบปลื้ม ลูกประเภทนี้มาก พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาหากลูกต้องการ ที่ข้าพเจ้าเปรียบเทียบให้เห็นนี้คือลูกทั้งสองประเภทประเภท ที่ 1. ไม่ชอบสร้างบุญกุศล เสริมบารมีให้แก่ตนชอบเที่ยวขอแต่บารมีของผู้อื่น ประเภทที่ 2. ชอบสร้างบุญกุศลไม่ย่อท้อ แม้บาง คราวต้องพบกับความผิดหวัง ก็ยังไม่เที่ยวขอบารมีใครสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านมักส่งเสริมให้พบกับความเจริญรุ่งเรืองอยู่เสมอ ลูกที่มีความกตัญญูต่อบิดา-มารดานั้น หากเปรียบเป็นต้นไม้ เขาคือไม้ยืนต้นเนื้อแข็ง คุณสมบัติของไม้ยืนต้นเนื้อ แข็งคือ ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ มีความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ แผ่กิ่งก้านสาขา เป็นที่อยู่อาศัยของนกกา คือเมื่อเติบโต แข็งแรงแล้วก็ยังเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า หยั่งรากลึกลงดิน ยึดเกาะด้วยความมั่นคง ทำให้ชีวิตเจริญเติบโต ผู้อื่นได้พึ่งพิง อาศัยสมบูรณ์อยู่เสมอ ใบที่ร่วงหล่นเป็นปุ๋ยบำรุงดิน เหมือนดั่งลูกที่เติบโตจากพ่อแม่แล้วยังย้อนกลับมาทำนุบำรุงดูแลท่าน จึงส่ง ผลให้ลูกคนนั้นพบกับความเจริญในที่สุดอีกเช่นกัน ส่วนลูกประเภทไม้ล้มลุก ชื่อเขาก็บอกประเภทอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าลำพังตัวเขาเองยังยืนต้นไม่ได้ พ่อแม่อุตส่าห์ หาไม้มาทำร้าน ทำค้างให้อยู่อาศัย ก็ยังไม่วายหนีออกจากร้านจากค้างที่ทำไว้ให้เสมอ เที่ยวสะเปะสะปะสร้างรำคาญให้กับไม้ ประเภทอื่นอยู่ตลอด แต่ไม้ล้มลุกเขามักชอบไปยึดเกาะกับไม้ยืนต้น ทำให้ไม้ยืนต้นต้องเสียสละอีกตามเคย วงจรชีวิตของไม้ล้มลุก จะสั้นและไม่มั้นคง เห็นไหมว่าการที่ท่านจะเคารพและศรัทธาต่อองค์พ่อจตุคาม รามเทพให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลยใช่ไหม ครับ เพียงแต่ขยันหมั่นสร้างคุณงามความดี อยู่ในศีลธรรมอันเป็นพื้นฐานของชาวพุทธเรา ชีวิตท่านจะพบเจอกับความเจริญรุ่ง เรืองพร้อมกับได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์จากองค์พ่อจตุคามรามเทพ ให้สมปรารถนาดั่งคำอธิษฐานทุกประการ เหมือนดั่งความเชื่อที่ว่า ...." ขอได้ ไหว้รับ " เป็นประสบการณ์จริง และสร้างตำนานศักดิ์สิทธิ์เล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความจริงใจ นายอะผ่อง สกุลอมร (โกผ่อง) | |||||||||
|
|||||||||||
โทร. |
(02)
224-0940 (02) 221-5791 |
||||||||||
ที่อยู่ : 2 สามแยกหมอมี
ถ.พระราม 4 (ติดธ.UOB สาขาสามแยก) ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ 10100 คลิ้กที่นี่สำหรับแผนที่ตั้งศิริสโตร์ |
Copyright
® 2017 Siristore.com.
All rights reserved by Siristore Team. |