รุ่นแรกครั้งแรกของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เปิดตำนานความศักดิ์สิทธิ์หน้าใหม่บนแผ่นดินอาณาจักรศรีวิชัย
ขอเชิญบูชามงคลวัตถุแห่งความเป็นมงคลมหามงคล

           วัตถุประสงค์

           เพื่อหารายได้จัดสร้างศาลาจันทรภาณุ ณ ที่พักสงฆ์ธรรมโชติยาราม (เขากุน) อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี
          

             หลวงพ่อเขากุน พระอาจารย์ธรรมนูญ ธมฺมโชโต
           ที่พักสงฆ์ธรรมโชติยาราม ต. ปากแพรก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี สำเร็จวิชาธาตุ " ดิน น้ำ ลม ไฟ " ด้วยบารมีของ
ท่านพ่อพระเทวราชโพธิสัตว์ จตุคามรามเทพ

           พระอาจารย์ธรรมนูญ ธมฺมโชโต หรือที่ชาวบ้านเรียกขานนามท่านว่า " หลวงพ่อเขากุน " กล่าวกันว่าท่านเชี่ยวชาญ
ด้านสมถวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างยิ่งโดยได้ศึกษามาอย่างจริงจังและทุ่มเทตั้งแต่เมื่อเริ่มอุปสมบทจนมาถึงปัจจุบัน

           ในเรื่องของวิชาอาคมหลวงพ่อเขากุนท่านศึกษามาจากหลายครูหลายอาจารย์ร่ำเรียนมาอย่างรู้ลึก รู้จริง พระอาจารย์
ที่หลวงพ่อเขากุนท่านได้ไปร่ำเรียนอาคมมาเรียกว่าเก่งจริงและลองได้อาทิเช่น " หลวงปู่เล็ก " วัดกลางคลองสามท่านเป็นพระ
เกจิอาจารย์ที่ชำนาญในเรื่องพิธีกรรมการพลี หลวงปู่เล็กได้ถ่ายทอดยอดพระคาถาวิชาอาคมและเคล็ดวิชาต่างๆ ให้จนหมดและ
ยังให้ทดลองวิชาที่ร่ำเรียนมาให้หลวงปู่เล็กได้ดูด้วยจึงเป็นอันว่าเรียนวิชาที่ท่านสอนมาสำเร็จ!!

           เมื่อได้วิชามหาอาคมขลังมาจากหลวงปู่เล็กแล้ว หลวงพ่อเขากุนท่านยังได้ไปเรียนวิชาการลง " นะหน้าทอง " กับ
" หลวงปู่ชม " อีกทั้งยังได้ไปอาศัยเล่าเรียนวิชาการ " ผูกยันต์ " และ " เขียนยันต์ " กับ " หลวงปู่ฉิ่ง " วิธีการก็คือเอายันต์
ต่างๆ ที่สักอยู่บนตัวท่านซึ่งสักอยู่เต็มตัวจะเว้นก็แต่ใบหน้ากับฝ่ามือเท่านั้น ถอดออกมาทีละตัว เรียนไปถามไปเขียนอย่างไรจาร
อย่างไร เสกอย่างไรยันต์นั้นถึงจะขึ้น ใช้แก้และกันอะไรบ้าง หลวงพ่อเขากุนท่านถามไถ่เรียนรู้มาหมด จดลงสมุดได้หลายเล่ม

           ขณะเรียนก็มีการลองความศักดิ์สิทธิ์ของอักขระยันต์ที่เรียนด้วยการให้เขียนยันต์ให้หลวงปู่ฉิ่ง จากนั้นท่านก็กำใส่มือ
พร้อมกับให้หลวงพ่อเขากุน เสกคาถาก่อนจะให้เอามีดอีโต้สับแขนของท่านปรากฏมีดอีโต้กระเด้งกระดอนกลับ นี่คือความเข้ม
ขลังของอักขระยันต์ที่หลวงพ่อเขากุนท่านได้ร่ำเรียนมาจากหลวงปู่ฉิ่ง

           จากนั้นท่านก็ออกเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นในเวลาที่ท่านนั่งสมาธิทีไรก็มักจะได้เจอกับพระเทวราชโพธิสัตว์
หรือท่านพ่อท้าวจตุคามรามเทพในนิมิตเสมอ แรกๆ ท่านก็ไม่สนใจอะไรนักเพราะไม่ทราบว่าเทวดาที่เห็นในนิมิตเป็นใครมา
จากไหน

           ครั้งหนึ่งเมื่อท่านเดินธุดงค์มาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช สหธรรมิกของท่านได้นิมนต์ให้ไปพักจำวัดที่วัดพระบรม
ธาตุ บังเอิญวันนั้นมีงานพุทธาภิเษกในวัดซึ่งระหว่างที่กำลังมีพิธีกันในพระอุโบสถ หลวงพ่อเขากุนท่านก็ได้ไปนั่งสมาธิในพระ
วิหารวันนั้นเป็นเวลาบ่ายโมงเศษ " พระเทวราชโพธิสัตว์ " ก็ได้มาปรากฏในนิมิตอีกแต่ครั้งนี้ท่านมาแบบเต็มองค์ชัดเจนพร้อม
ทั้งประกาศให้ทราบว่า ท่านคือ " พระเทวราชโพธิสัตว์ " เป็นพระเสื้อเมืองเทพชั้นที่สอง ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะทำเป็นภาพจำ
หลักไว้ที่ประตูโบสถ์ประตูวิหารเป็นครึ่งคนครึ่งเทพบ้าง เป็นเทวดาบ้าง เป็นยักษ์บ้าง บางครั้งก็เป็นรูปสัตว์ครึ่งเทพบ้าง แต่
สำหรับที่วัดพระบรมธาตุแห่งนี้ได้จำหลักเป็นภาพเทวดาไว้ตรงทางขึ้นองค์พระบรมธาตุ และให้ชื่อไว้ว้า " จตุคามรามเทพ "
ถึงจะมีหน้าที่เป็นพระทวารบาน หรือผู้รักษาประตูเทพชั้นที่สองแต่เหตุ เพราะว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิด้วยจึงได้พระนามว่า

           " พระเทวราชโพธิสัตว์ "
           นาทีนั้นได้เกิดเหตุอภินิหารมหัศจรรย์พระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกันสองดวง ขณะที่เกิดเหตุนั้นเป็นเดือนมกราคม พ.ศ.
2539 ชาวนครศรีธรรมราชเห็นกันทั้งเมือง!!!

           ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาทุกครั้งที่หลวงพ่อเขากุนท่านนั่งสมาธิท่านพ่อท้าวจตุคามรามเทพได้มาสอนทำผง เขียนผง
ลบผง การทำพิธีกรรมการเขียนอักขระและเคล็ดวิชาต่างๆ เช่นสอนการรวมธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมเป็นหนึ่งเดียว ตั้งมั่น
เอาไว้ที่จิต ทำใจให้นิ่งแล้วรวมธาตุรวมจิตให้เป็นหนึ่งเดียวกับใจ เช่นนี้จะทำให้วัตถุมงคลนั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์ บูชาแล้วจะบังเกิด
สัมฤทธิ์ผล ปรารถนาสิ่งใดอธิษฐานได้ดั่งประสงค์

           หลายปีที่ผ่านมาท่านฝึกฝนสรรพวิชาต่างๆ ที่ " พระเทวราชโพธิสัตว์ " ได้มาสอนไว้หลายครั้งที่ได้เข้าร่วมพิธีปลุก
เสกวัตถุมงคลชุด " จตุคามรามเทพ " ทั้งเป็นเจ้าพิธีหรือร่วมพิธีอธิษฐานจิตปลุกเสก

           ปลายปี พ.ศ. 2544 ชาวบ้านในตำบลปากแพรกทราบข่าวในวัตรปฎิบัติของพระอาจารย์ธรรมนูญ ได้บังเกิดความ
เลื่อมใสศรัทธาจึงพากันรวมตัวนิมนต์ให้ท่านมาพำนักอยู่ ณ บริเวณเขากุนซึ่งเป็นสถานที่ว่างชาวบ้านจัดไว้เป็นสถานที่สำหรับ
สร้างศาสนสถาน เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

           และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาสถานที่ดังกล่าวปัจจุบันจึงเป็นที่พักสงฆ์ธรรมโชติยาราม หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า
" วัดเขากุน " หรือ แม้แต่ตัวอาจารย์ธรรมนูญเองชาวบ้านก็เรียกกันว่า.... " หลวงพ่อเขากุน "

           เกี่ยวกับเรื่องของพระเทวราชโพธิสัตว์นั้นท่านมีบุญญาภินิหารที่ทรงอิทธิฤทธิ์มหิทธิเดชลือลั่นมาก วัตถุมงคลที่จัด
สร้างขึ้นมาในนามของท่านไม่ว่ารุ่นไหน หากประกอบพิธีตามแบบฉบับของท่านแล้ว เป็นเชื่อได้เลยว่าเปี่ยมด้วยพลังแห่งความ
ศักดิ์สิทธิ์ เมตตา ค้าขาย แคล้วคลาด ป้องกันภัย เรียกว่าครบเครื่องแห่งความเป็นมงคล

            พลังแห่งธาต " ดิน น้ำ ลม ไฟ " มวลสารสำคัญในการสร้างวัตถุมงคล
           " ว่าน " ถือว่าเป็นมวลสารสำคัญ เพราะว่านนั้นแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์และมีคุณค่าแห่งความเป็นสมุนไพร
เสมือนกับเป็นการป้องกันในเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ การมีกลิ่นของน้ำมันว่านเปรียบเหมือนการหล่อเลี้ยงให้เกิดความอบอุ่น นุ่ม
นวลไม่อัตคัดขัดสน ว่านจึงเป็นส่วนผสมหลักในการสร้างพระเครื่องทางภาคใต้ ว่านบางชนิดมีอิทธิฤทธิ์สรรพคุณในตัวเชื่อ
กันว่ามีเทพสถิตอยู่ สำหรับว่านที่พระอาจารย์ธรรมนูญ หรือหลวงพ่อเขากุนนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างพระเทวราชโพธิ
สัตว์ครั้งนี้มีส่วนผสมหลักคือ " ว่าน 108 " อาทิเช่น ว่านสาวหลง, ว่านกาหลงรัง, ว่านรังนกกวัก, ว่านเสน่ห์จันทร์ขาว, ว่าน
เสน่ห์จันทร์แดง, ว่านมหาเสน่ห์, ว่านนางกวัก, ว่านเศรษฐี, ว่านขอเงินขอทองขอลาภ, ว่านสบู่เลือด, ว่างคางคก, ว่านกระชาย
ดำ, ว่านบรเพ็ด, ว่านกำแพงเจ็ดชั้น, ว่านมหาเมฆ, ว่านหนุมานนั่งแท่น, ว่านโมขศักดิ์, ว่านนิลพัฒน์, ว่านเพชรหลีก, ว่านพระ
พาย, ว่านเกราะเพชร, ว่านพระเจ้าคุ้มภัย ฯลฯ

           นั่นคือส่วนผสมหลักนำมาผสมกับมวลสารแบ่งตามธาตุทั้ง 4 ได้พอสังเขปดังนี้

           " ธาตุดิน " (แคล้วคลาด) ว่าน 108, กาฝาก 108, ดินกรุเก่า, ดินอุดรูหนู, ดินอุดรูปู, ดินโป่ง, ดินถะหนำ, ดินท้องถ้ำ,
ดินท้องทะเล, ดิน 9 นคร, ดิน 12 เมือง, ดิน 7 ท่า, ดิน 7 ป่าช้า, ดินกำแพงเมืองเก่า ฯลฯ

           " ธาตุน้ำ" (เมตตามหานิยม) ว่าน 108, กาฝาก 108, น้ำท้องเรือ, น้ำเจ็ดท่า, น้ำพิพัฒน์สัตยา, น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จาก หัวเมืองทั่วประเทศ ฯลฯ

           " ธาตุลม" (คงกระพัน) ว่าน 108, กาฝาก 108, ผงธนสิทธิ์, ผงคดไม้,ขนมโคคนธรรพณ์, ผงพระธาตุเขาสามร้อย ยอด, ผงดินถ้ำเชียงดาว, ผงดินถ้ำเพลา, ผงดินเขาวังทอง, ผงดินเขาวงพระจันทร์, ผงดินเขากลด ฯลฯ

           " ธาตุไฟ" (ล้างอาถรรพณ์กันภัย) ว่าน 108, กาฝาก 108, ผงไม้ตะเคียน, ผงใบลานเก่า, ผงไม้หลักเมือง, ผงเทพธาโร ผงไม้กฤษณา, ผงไม้จันทร์หอม, ผงไม้ตะเคียน, ผงไม้พญางิ้วดำ, ผงธูปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั่วประเทศ ฯลฯ

           นอกจากมวลสารประเภทว่าน และธาตุทั้งสี่แล้วยังมีมวลสารพิเศษเรียกว่า " จตุธาตุ" อันประกอบไปด้วยผงวิเศษ 4
ชนิด ซึ่งเขียนและลบผงโดยวิธีแบบโบราณคือ ผงตรีนิสิงเห, ผงอิทธิเจ, ผงนะปถมัง, และผงนะปัดตลอดตั้งพิธีบูชาสุริยัน-
จันทรากลางแจ้งอาบแดดอาบฝน 2 ปี ณ ที่พักสงฆ์โชติยาราม

           เหล่านี้ถือได้ว่าวัตถุมงคลพระเทวราชโพธิสัตว์ รุ่น " เมตตามหาบารมี " เป็นที่สุดแห่งมงคลวัตถุที่ถือได้ว่า ดีมาจาก
เนื้อในโบราณว่าไว้ " ดีทั้งนอก ดีทั้งใน " เจตนาดี วัตถุประสงค์ดีพิธีกรรมดียิ่งเพิ่มคุณค่าแห่งความเป็นมงคลมหามงคล บูชา
แล้วจะบังเกิดความเป็นสิริมงคล โภคทรัพย์จะเพิ่มพูนคุณทวี ภัยพิบัติจะไม่กล้ำกราย กลับร้ายกลายเป็นดี ด้วยบารมีของ

           " พระเทวราชโพธิสัตว์ " ราชันย์ดำแห่งอาณาจักรทะเลใต้

          ประมวลภาพพิธี

            พิธีบวงสรวงและเททองหล่อ " พระเทวราชโพธิสัตว์ " เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. 2547
               โดยมีพระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งวัด พุทไธสวรรย์ จ. พระนครศรีอยุธยา เป็นเจ้าพิธี

คณะสงห์จากวัดราชนัดดารามเจริญพุทธมนต์ สวดชัยมงคลคาถา ในพิธีเททอง	พระอาจารย์ธรรมดชติ วัดพุทไธสวรรย์ ทำพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณพระเทวราชโพธิสัตว์
พระอาจารย์ธรรมโชติ มอบแผ่นจารชนวนทองคำ แท้ใส่ลงเบ้าหลอมเพื่อนำไปเททองหล่อพระ
	พระอาจารย์ธรรมโชติ และพระอาจารย์ธรรมนูญ พิจารณาพระเทวราชโพธิสัตว์ที่ทุบเบ้าหล่ออกมาแล้ว

            พิธีกดพิมพ์พระผง " พระเทวราชโพธิสัตว์ " เป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันอังคารที่ 21 ธ.ค.2547
               โดยมีพระอาจารย์ธรรมโชติ แห่งวัด พุทไธสวรรย์ จ. พระนครศรีอยุธยา และพระอาจารย์ปราณพ
               (ท่านหนุ่ย) แห่งวัดคอหงษ์ จ.สงขลา เป็นเจ้าพิธี

พระอาจารย์ธรรมโชติและ พระอาจารย์ปราณนพกดพิมพ์พระเป็นปฐมฤกษ์	พระผงเนื้อพิเศษที่กดพิมพ์ในพิธีเอาฤกษ์เอาชัย
ลูกทั้งสามของท่านจตุคามรามเทพ พระอาจารย์ธรรมโชติ พระอาจารย์ธรรมนุญ และพระอาจารย์ปราณนพ พิจารณา พิมพ์พระที่กดในพิธีเป็นปฐมฤกษ์ ณ วัดพุทไธสวรรย์	พิธีบวงสรวงพระเทวราชโพธิสัตว์ ณ มณฑลพิธี ในวัดพุทไธสวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา

พระอาจารย์ธรรมนูญ วัดเขากุน	พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดพุทไธสวรรย์	พระอาจารย์ปราณนพ วัดคอหงษ์