นาฬิกาสวิส รุ่นแรกของโลก
บรรจุคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง

นาฬิกาสวิส (ภาพจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)

           จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอาทิตย์ ที่ 19 มิกุนายน พ.ศ.2548 (คอลัมภ์ สีกาอ่าง)

            อีกรุ่นมาแปลกวุ้ย เพราะเห็นชัดๆ ว่าเป็น นาฬิกา แต่ขอให้มองด้านหลัง จะรู้ว่า นี่คือ นาฬิกาสวิส รุ่นแรกของโลก
ที่มีการบรรจุ คาถามงกุฏพระพุทธเจ้าของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง!!!..East meet West - อีสต์ มีต เวสต์ (ตะวันออกพบตะวัน
ตก) ครั้งนี้ น่าทึ่งตรงที่ทีแรก บริษัทนาฬิกาสวิสฯ ชอบโลโก้ ของนิตยสารสปิริต อาร์ต & แอนติก จึงขอนำไปใช้เป็น โลโก้
นาฬิการุ่นใหม่ล่สุด โดยมีน้ำใจตอบแทนว่า อยากได้อะไร ไอจะทำให้ยูเป็นพิเศษ ฝ่ายสปิริตฯ ก็ดีใจที่ โลโก้ ของหนังสือ ซึ่งก็คือ
ตัว ยันต์ นะ (นะ ไม่รู้จบ) ถูกตาต้องใจฝรั่ง จึงบอกว่า งั้นไอขอนาฬิกา 2 เรือน แต่ให้ลงคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า (อิติปิโส เรือน
เตี้ย) ไว้ข้างหลัง.....ที่ใช้คาถานี้ เพราะเห็นว่าตอนรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกเมื่อปี 2440 ทรงได้พระคาถา มงกุฏ
พระพุทธเจ้าของพระอาจารย์ (หลวงปู่เอี่ยม) ติดองค์ไปใช้ยามคับขัน จึงรอดพ้นจากการลองดีของพวกเจ้าชายยุโรปมาได้ ทำให้
ได้รับการยอมรับว่าพระมหากษัตริย์ไทยมีบุญญาบารมี ดังนั้น นาฬิกาที่มาจากยุโรป เรือนแรก ที่ลงคาถา ก็ควรจะเป็นพระคาถา
ที่มีการนำไปใช้ใน ยุโรปครั้งแรก เมื่อ 108 ปีก่อน ถึงจะเด็ด...ฝรั่งบอกแค่นี้ จิ๊บจ๊อย ก็ให้ส่งแบบพระยันต์ ไปให้แต่ทางไทยไม่
จิ๊บด้วย เพราะต้องประชุมปรมาจารย์ โกลาหล เพื่อเขียนให้ถูกต้องตามตำราจริงๆ เพราะถ้าผิดแล้วทุบนาฬิกาทิ้งทำใหม่ไม่ได้
แก้อยู่ 2 เดือน จนได้แบบยันต์ มงกุฏพระพุทธเจ้าถูกต้อง (แบบในวงกลมด้านบน) ...ปรากฏว่า ฝรั่งเกิดถูกใจอีกแฮะจึงต่อรองว่า
ไอขอใช้ด้วยได้ไหมโดยจะผลิตรุ่นนี้เพียง 3,000 เรือน(ลิมิเต็ด เอดิชั่น)แล้วแบ่งให้ไทยจำหน่าย 1,000 เรือนทางเสี่ยปิยะวัฒน์
มาลากุล ณ อยุธยา และเสี่ยภัทรพนธ์ บุญลือพันธ์ ก็ตกลงโอเค เพราะถือเป็นโอกาสดีสุดๆ ที่อยู่ๆ ได้บริษัทนาฬิกาสวิสฯ ชื่อดัง
ผลิต-ลงทุนให้ (เฟลิกซ์ ฮอลเลนสไตน์) นักออกแบบ นาฬิกาชื่อดัง 1 ใน 5 ของโลกเป็นดีไซเนอร์...นาฬิกาสไตล์สปอร์ต คุณภาพ
เต็มพิกัดตาม มาตรฐานสวิส (ถ้าไม่ผ่านมาตรฐานสวิส เขาไม่ออกใบการันตีให้) จึงสบายใจได้ว่าไม่ได้ไปผลิตที่จีน แล้วมาหลอก
ว่าสวิสฯ.....สเตนเลส ใช้เกรดสูงสุด ของสวิสฯ เกรดเดียวกับ โรเล็กซ์ คือ 316 L หน้าปัดเป็นกระจกแซฟไฟร์ แถมยังมีคาถา
ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งใช้คุ้มครองติดตัวเหมือนวัตถุมงคลได้อย่าง ดูดีมีเทสต์ที่สำคัญคือ มีที่มาจากเมืองไทย....ขฯะที่เสี่ยปิยะวัฒน์ บิน
ไปรับยาฬิกามาแล้ว นำเข้าอย่างถูกต้อง เพื่อเข้าพิธีพุทธาภิเษกที่เมืองไทย ซึ่งกว่าจะได้อาจารย์เสกก็ไม่ง่าย เพราะเสาะหาพระ
อาจารย์ที่รู้จริงไปทั่ว ซึ่งหลวงพ่อทุกองค์ชี้ไปที่ หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว อยุธยา จึงไปกราบขอให้ท่านทำพิธีให้ หลวงพ่อเพิ่ม
ซึ่งอายุ 75 แล้ว ก็เมตตา แต่มีข้อแม่ว่า นาฬิกาต้องอยู่โบสถ์ตลิดพรรษาและถ่อมตัวว่า "เสกเร็วไม่เป็น" แต่ที่จริง ท่านอยากให้
พิธีดีจริงๆ มากกว่าไม่อยากให้สุกเอา เผากิน คนไทยไม่ว่า ยิ่งขลัง ยิ่งชอบ แต่ฝรั่งร้อง โอ้มายก๊อด กว่าจะได้ขายก็ปลายปี.......
หลวงพ่อเพิ่ม เคยสร้างเหรียญดังอยู่รุ่น เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนนี้หายากแล้วในเหรียญบรรจุอิติปิโสเรือนเตี้ยไว้เป็นข้อยืนยันว่า
ท่านสำเร็จทางนี้จริงๆ และยังลงไว้ใน ตะกรุด 3 ชั้น ของท่านด้วย....ส่วนเรื่องราคาเพราะสเปกเกรดเอทุกอย่างฝรั่งจึงตั้งไว้
5 หมื่น แต่โควตาของไทย 1,000 เรือน ซึ่งได้ราคาพิเศษสุดในฐานะเจ้าของไอเดีย ร่วมทาง สปิริตฯ จึงตั้งราคาได้ต่ำมาก
นาฬิกาผู้ชายสายเหล็กจึงตั้งที่ 21,960 บาท ของผู้หญิงสายหนัง 16,960 บาท แถมสมาชิกสปิริตฯ ลดอีก 10% ซึ่งฝรั่ง
บอกว่า เป็นโชคดีของคนไทยที่ได้ใช้ของดีราคาถูกจริงๆ....ตอนนี้ วงใน จองมาแล้วราว 300 เรือน มีเสี่ยประมง สมุทรสาคร
จองเรือนที่ลงท้ายด้วยเลข 9 ทุกเรือน!! อีกคนคือ รมต. หนู- อนุทิน ชาญวีรกูล จอง 20 เรือน เห็นว่าจะไปแจก ครม.ที่ชอบพระ
ส่วนเสี่ยนิกร หงษ์ศรีสุข ของไป 1 โหล แจกตำรวจลูกน้อง เพราะยังไงก็ถูกกว่าแจกพระ.....สีกาอ่าง ไม่ใช่เห็นแก่ได้ที่เขา จิ้ม
ก้องมาเรือนนึง (เพราะที่ใช้อยู่ แพงกว่านี้อีก ขอคุยส์) แต่เห็นว่าเป็นนาฬิกาสวิสเรือนแรกของโลกที่มีคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า
และทั่วโลกมีเพียง 3,000 เรือน อีกหน่อยหายากแน่ เพราะคนที่สะสมนาฬิกา รุ่น ลิมิเต็ด (รุ่นที่มีจำกัด ผลิตครั้งเดียว ไม่ทำซ้ำ)
มีทั่วโลก จึงอยากให้คนไทยเก็บไว้ รับรองคุ้ม ....เพราะได้ใช้ทุกวัน และคาถาก็แนบตัวตลอด ตามแบบโบราณที่ถือว่าใช้วัตถุมงคล
ต้องให้ถูกเนื้อ คนโบราณถึงได้ชอบเลี่ยมพระแบบเปิดเนื้อ เพื่อให้เนื้อพระสัมผัสตัว